บนทางบอลอาชีพ ศฤงคาร เปิดใจถึงจุดเปลี่ยนในชีวิตอย่างแท้จริง ถ้าเกิดไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต

บนทางบอลอาชีพ “ผมกล่าวอย่างงี้ดีมากกว่า ถ้าหากไม่ใช่ เพราะว่าอาชีพนักเตะ ตอนนี้ผมคงจะยังไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงแค่คนทำงาน หาเช้ากินค่ำ เนื่องจากว่าผมมิได้เริ่มจากศูนย์ ผมเริ่มจากติดลบ จากวันที่ทุกคนกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้หรอก ที่จะปลดหนี้สินก้อนนี้ได้ ไม่มีวันกลับมาเป็นดังเดิมได้แน่”

ถ้าเอ่ยถึงนักฟุตบอลสักคนหนึ่งที่สร้างชื่อ จากบอลกลุ่มชาติไทยรุ่น อายุไม่เกิน 23 ปี ศฤงคาร ปราการหลังที่สุพรรณ เอฟซี ย่อมเป็นเยี่ยม ในนั้น ผู้ยอดเยี่ยม ในตัวหลักของกลุ่มชาติ ชุดคว้าเหรียญทอง กีฬาซีเกมส์ เมื่อปี 2017

แต่ว่ากว่าจะก้าวมา เป็นนักเตะไทยลีก ที่มีพร้อมทุก ๆ อย่าง เขาจำเป็นต้องเริ่มจากคำว่า “ไม่มีอะไรเลย” ข้างหลังครอบครัวค้างหนี้ การเดิมพันกระทั่ง จะต้องขายทุกสิ่งที่มี ในบ้านกำเนิด เพื่อมาเริ่มชีวิตใหม่ โดย ศฤงคาร จะต้องปฏิบัติงานทุกๆอย่างเพื่อช่วยครอบครัว ไม่เว้นแม้กระทั้งการขับรถบรรทุก และก็ดำเนินงานเป็น รปภ. ตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ

อะไรเป็นพลังขับ ที่ทำให้นักเตะรายนี้ ไม่เคยยอมต่อทุกปัญหา แล้วก็ความท้า ? อะไรเป็นพลังเข้มแข็งเหนือ นิยามของเขา ? ติดตามพอดีนี่ ออกตัวจากติดลบการเดิมพัน เป็นปีศาจ ที่อยู่คู่กับคน ประเทศไทย มาอย่างเป็นเวลายาวนาน มันเป็นไอ้ตัวร้าย ซึ่งสามารถทำลายทุกสิ่ง ทุกอย่าง ในชีวิต แล้วก็พรากชะตาชีวิตของใครบางคนจาก ทางอันผ่องใสสู่มรสุม ชีวิตแบบ ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน วิเคราะห์บอล

เริ่มออกไปเตะบอล เดินสายทั่วจังหวัดระยอง เพื่อหาเงินมาช่วย ที่บ้านอีกแรง บนทางบอลอาชีพ

ศฤงคาร พรหมสุภะ เป็นใครสักคน ที่จำเป็นต้องเจอ กับเรื่องราวพวกนั้นด้วยตัวเอง จากครอบครัวเกษตรกร ที่มีอาชีพเปิดร้าน ขายสินค้าชำในจังหวัดศรีสะเกษ เขาจะต้องเร่ร่อน จากภูมิลำเนา ตามบิดามารดา เพื่อมาเริ่มชีวิตใหม่ ในจังหวัดระยอง ข้างหลังจำต้องสูญเสียทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่าง ในชีวิต เพราะว่าเป็นหนี้พนันกระทั่งหมดกระเป๋า

“คุณพ่อคุณแม่ของผมติดการเดิมพันจนกระทั่งราวกับล้มละลาย เป็นพวกเราขายบ้าน ขายรถยนต์ ขายทุกๆอย่าง คุณพ่อคุณแม่เลยจะต้องย้ายมาหางานทำที่จังหวัดระยอง เนื่องจากว่าที่บ้านมันไม่เหลืออะไรแล้ว” ศฤงคาร เปิดใจถึงจุดเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างไม่อ้อมค้อมถ้าเกิดไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต ทุกคนที่เคยล้มย่อมกลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกที เหมือนกันกับครอบครัวประพรมสุภะที่ตั้งจิตใจปฏิบัติงานอย่างมากในจังหวัดระยอง

โดยป๊ะป๋าของศฤงคารหันมาดำเนินงานเป็นพนักงานขับรถบรรทุก ส่วนแม่ของเขาทำอาชีพเป็นแม่บ้าน แต่ว่าถึงแบบงั้นรายได้ที่เอามาจุนพบครอบครัวก็บางทีก็อาจจะยังไม่พอนี่ก็เลยตรงเวลาที่  ดียิ่งขึ้นไปอีก

ซึ่งตอนนั้นเรียนอยู่ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ก้าวเข้ามาเป็นอีกหนึ่งกำลังหลักช่วยหารายได้ไปสู่ครอบครัว ด้วยการทำงานเป็นพนักงานขับรถบรรทุก รวมทั้ง รปภ. ซึ่งล้วนแต่เป็นงานที่หนักเกินวัยผู้เรียนร่วมกันทั้งนั้น แต่ว่าด้วยชีวิตที่เริ่มจากติดลบ นี่เป็นวินาทีที่เขาละเลยความลำเค็ญ

รวมทั้งการทำงานทั้งหมดทุกอย่าง เพื่อช่วยเหลือครอบครัว บนทางบอลอาชีพ

“ผมเริ่มจากการเป็น เด็กรถยนต์ ช่วยบิดายกของขึ้นรถยนต์ ต่อไปผมก็เริ่ม ทำความเข้าใจงานจากบิดา บิดาก็สอนผม ให้ขับขี่รถ เวลานี้ผมอายุเพียงแค่ 14 ปี เพียงพออายุสัก 15 ปี ผมก็เริ่มขับขี่รถบรรทุกเองได้แล้ว”

“ผมขับขี่รถช่วยบิดาจนกระทั่งโดยประมาณ มัธยม5 ส่วนงาน รปภ. ผมเข้าไปทำตอนเรียนอยู่ชั้น มัธยม4 จะขึ้น มัธยม 5 เป็นตอนปิดภาคการศึกษา เป็นในขณะนั้นผมมีเวลาว่างเลยตกลงใจ กับสหายว่าจะออก ไปพบงานพาร์ตไทม์ ทำกัน พอดิบพอดีกับ สหายผมรู้จัก กับหัวหน้า รปภ. ผมก็เลยกล่าวว่า

ถ้างั้นพวกเรา ไปขอเขาดำเนินการดีไหม ก็ปฏิบัติงานอยู่นั่นราวๆเดือนกว่า”ศฤงคาร ให้ความใส่ใจ กับการช่วยบิดาขับขี่รถบรรทุกอย่างใหญ่โตเวลานี้ เพราะว่าการออกงาน แต่ละครั้ง ได้เงินทดแทน กลับมาออกจะดี

แม้กระนั้นช่วงเวลา ที่เขากำลังเดินตาม ข้างหลังบิดา บนทางสายรถบรรทุก ได้ออกตัวบนทาง ของตนอย่างเดียวกัน โน่นเป็น ถนนหนทางสายบอลโดยเจ้าตัวเริ่มออกไปเตะบอล เดินสายทั่วจังหวัดระยอง เพื่อหาเงินมาช่วย ที่บ้านอีกแรง

ถึงแม้รายได้ จะมิได้มากยิ่งกว่า การขับรถบรรทุกนัก แต่ว่าการเริ่มต้นนี้ก็นับว่าเป็นข้อสำคัญ ที่จะสามารถช่วยให้ ก้าวสู่ถนนหนทางสายใหม่ ที่แปลงชีวิตเขาไปชั่วกับชั่วกัลป์“ผมเริ่มเล่นบอลเดินสายตั้งแต่ เรียนอยู่ชั้น มัธยม 4 มันก็ทำให้ผมรู้จักกับผู้คน จำนวนมากในแวดวง

ก็มีคนดึงไปช่วยเล่นที่โน่นตรงนี้บ้าง นี้ก็เป็นรายได้ที่เข้ามา อีกทางหนึ่ง บางครั้งอาจจะแมตช์ละ 200 หรือ 500 บาท แต่ถ้าว่างจากการแข่งฟุตบอลนี้ ผมก็ต้องการ กลับมาช่วยบิดาขับขี่รถตลอด”เร่งเครื่องบนทางบอลอาชีพ

ระหว่างที่ทำงานทุกสิ่ง เพื่อหาเงินช่วยเหลือ บิดามารดา ศฤงคาร มีชีวิตอีกด้านอันเป็น ความหวังของตนเอง โน่นเป็นความรัก ในกีฬาบอล โดยเจ้าตัวเริ่มเล่นบอลตั้งแต่ชั้นประถม เรียนรู้ปีที่ 4 จนได้เป็นผู้แทน ของสถาน ที่เรียนตั้งแต่อยู่ จังหวัดศรีสะเกษ รวมทั้งในเวลาที่ย้ายเข้ามาเรียนหนังสือ ที่สถานศึกษาปลวกแดงพิทยาคม จังหวัดระยอง