บัญชาเกมแดนกลาง พาทีมเฉือนเอาชนะสเปอร์ส แบบหวุดหวิด 1-0

บัญชาเกมแดนกลาง เป๊ปกวาร์ดิโอล่าขอลุ้นแชมป์สมัยที่ 8 สูงสุดเท่ากับ “หงส์แดง”และลุ้นแชมป์รายการนี้ 4 ปีติดต่อกันเกมนี้ได้ เควินเดอบรอยน์ หายเจ็บกลับมา บัญชาเกมแดนกลางโดยมีสามประสานแดนหน้าทั้ง ริยาดมาห์เรซ, ราฮีม สเตอร์ลิงและฟิลโฟเด้น

ฟุตบอลคาราบาวคัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลี่ย์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ 7 สมัย และ 3ฤดูกาลติดต่อกัน พบกับสเปอร์ส แชมป์ 5 สมัยซึ่งเข้าชิงชนะเลิศ รายการนี้ในรอบ 13 ปี หลังโขกประตูชัยในช่วงท้ายเกมพาทีมเฉือนเอาชนะสเปอร์ส แบบหวุดหวิด 1-0

ส่งให้แมนฯซิตี้ ผงาดคว้าแชมป์คาราบาวคัพ เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกันและคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 8 สูงสุดเท่ากับ “หงส์แดง” ในเกมคาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่สนามเวมบลี่ย์ส่วนทางไก่เดือย ทองซึ่งตั้งไรอัน เมสัน มาเป็นกุนซือขัดตาทัพแทน โชเซ่ มูรินโญ่

บัญชาเกมแดนกลาง

เกมนี้จะเป็นนัดที่สอง ของผู้จัดการทีมวัย 29 ปี หลังเกมที่แล้วในลีก ประเดิมด้วยการ เฉือนเอาชนะเซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 เกมนี้ข่าวดีคือได้แฮร์รี่ เคนหัวหอกเบอร์หนึ่งของ ทีมหายเจ็บกลับมาสตาร์ทตัวจริงร่วมกับ ลูคัส มูร่าและซน ฮึง-มินนัดนี้บรรยากาศในเวมบลี่ย์ ค่อนข้างคึกคัก

หลังได้อนุญาตให้ แฟนบอลเข้ามาชมเกม ในแบบจำกัดจำนวน 8,000 คน กระนั้นแฟนบอลทั้งสองทีมต้องนั่งแบบเว้น ระยะห่างทางสังคม ตามมาตรการรักษา ความปลอยภัย สเปอร์สโงหัวไม่ขึ้นเลยโดนเรือใบสีฟ้านวดหนักนา ที15 ลูกทีมของเป๊ปเกือบชิงขึ้นนำหลัง

บอลทุ่มเร็วให้ ริยาด มาห์เรซ ถึงเส้นหลังก่อนหักมาให้สเตอร์ลิง ยิงกลางประตูทว่าซัดด้วยขวาไปติดขา เอริค ดายเออร์ ที่ช่วยเซฟไม่ให้ ไก่เสียประตูหวุดหวิด อีกนา ทีถัดมา แมนฯซิตี้ ได้ลุ้นอีกคราวนี้ ริยาด มาห์เรซ ตักบอลมาเสาแรกให้ราฮีม สเตอร์ลิง สอดมาโขกแต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ  OhoZaa

นา ที26 แมนฯซิตี้ ทิ้งโอกาสทองขึ้น นำอย่างเหลือเชื่อ

เมื่อกุนโดกัน ตัดบอลได้แล้วแทงออกขวาให้ เควิน เดอ บรอยน์ ครอสเข้าไปในกรอบ 6 หลา โทบี อัลเดอร์แวเรลด์ ล้มตัวสกัดแต่บอลไปเข้าทาง ฟิล โฟเด้น วิ่งมาซัดด้วยซ้ายแต่ยังดีที่ อัลเดอร์แวเรลด์ ลุกมาขวางบอลเลยพุ่งไป ชนเสาอย่างน่าเสียดาย

เปิดฉากครึ่งแรก มาได้แค่ 7นา ที เรือใบสีฟ้า” เกือบได้ลุ้นขึ้นนำหลัง ชูเอา กันเซโล่ แทงบอลให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดถึงเส้นหลังก่อนล็อกหนี แซร์ช โอริเย่ร์ แล้วปาดไปเสาแรกให้ ฟิล โฟเด้น ยิงหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดายผ่านไปครึ่งชั่วโมง “ซิตี้” ยังพับสนามบุกเข้าใส่ บัญชาเกมแดนกลาง

จังหวะนี้ แฟร์นันดินโญ่ แทงบอลทะลุช่องให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปยิงมุมแคบบอลพุ่งไปเสาไกลเฉียดเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย ถัดมานา ที35 ริยาด มาห์เรซ ได้บอลทางขวาก่อนเลี้ยงจี้หนี เรกีลอน เข้าไปในกรอบตามสไตล์ก่อน หักเข้าซ้ายปั่นบอลไปเสาไกลหนีมือ โยริส ไปแล้ว

แต่บอลโค้งน้อยไปถากเสาออกไปหวุดหวิดช่วงทดเจ็บนา ที45+1 ทัพเรือใบหวิดได้ลุ้นขึ้นนำอีกครั้ง คราวนี้ ชูเอา กันเซโล่ ได้กดด้วยขวานอกกรอบบอลพุ่งเสาแรกกำลังจะเบียดเสาเข้าอยู่แล้วแต่โดน อูโก้ โยริส พุ่งปัดออกไป บัญชาเกมแดนกลาง

จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังทำอะไร สเปอร์ส ไม่ได้เสมอกัน 0-0ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวผู้เล่นนา ที47 ไก่เดือย ทองได้โอกาสส่องเข้ากรอบหนแรก หลัง ลูคัส มูร่า ผ่านบอลให้ โจวานี่ โล เซลโซ่ อัดด้วยซ้ายนอกกรอบ แต่ยังไม่ผ่าน แซ็ค สเตฟเฟ่น ปัดออกไปได้

นา ที54 ไคล์ วอล์คเกอร์ แทงบอลขึ้นหน้าให้ ริยาด มาห์เรซ เลี้ยงจี้เข้าไปในกรอบแล้วแต่งเข้าซ้ายซัดไปแฉลบแข้งสเปอร์ส ก่อนที่จะไปเข้ามือ อูโก้ โยริสนา ที67 ไก่เดือย ทองขยับเปลี่ยนตัวก่อนส่ง แกเร็ธ เบล ลงมาเล่นแทน ลูคัส มูร่า พร้อมส่ง มูสซ่า ซิสโซโก้ บัญชาเกมแดนกลาง

ลงไปเล่นแทน โจวานี่ โล เซลโซ่นา ที71 มาห์เรซ ไหลคืนหลังให้ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดโค้งไปเสาไกลให้ แฟร์นันดินโญ่ หนีตัวประกบฉีกมาโขกยัดมุมแคบแต่ยังไปเข้ามือ อูโก้ โยริส ถัดมาแค่นา ทีเดียว อิลคาย กุนโดกัน แทงทะลุให้ ราฮีม สเตอร์ลิง

บัญชาเกมแดนกลาง

หลุดเข้าไปทางซ้ายก่อนปีกทีมชาติอังกฤษจะจ่ายย้อนคืนมาให้ กุนโดกัน วิ่งมาซ้ายด้วยซ้ายไม่ถนัดบอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าผิดหวัง “ซิตี้” ยังพับสนามเข้าใส่อย่างต่อเนื่องนา ที74 ริยาด มาห์เรซ เลี้ยงตะลุยเดี่ยวขึ้นมาก่อนแหวกแนวรับสเปอร์ส 4 คน

แต่งเข้าซ้ายแล้วปั่นนอกกรอบกลางประตูบอลพุ่งเกือบจะเบียดเสา แต่ยังดีที่ โยริส ยังไวพุ่งปัดออกไปแบบหวุดหวิด ความพยายามของ เรือใบสีฟ้า มาประสบผลสำเร็จจนได้ในนา ที82จากจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดฟรีคิกนอกกรอบทางซ้ายใกล้ฝั่งมุมธงเข้ามากลางประตูให้ บัญชาเกมแดนกลาง

อายเมริค ลาปอร์กต์ เทกตัวขึ้นโขกส่งบอลเข้าก้นตาข่ายไปให้ แมนฯซิตี้ ขึ้นนำ สเปอร์ส 1-0 ช่วงเวลาที่เหลือ “ไก่เดือยทอง” ไม่สามารถทวงประตูตีเสมอได้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เบียดเอาชนะ สเปอร์ส 1-0 ผงาดคว้าแชมป์คาราบาวคัพ

เป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน และสมัยที่ 8 สูงสุดเทียบเท่ากับ “หงส์แดง” ที่เคยทำได้ อีกทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลายเป็นกุนซือคนแรกที่พาทีมคว้าแชมป์ลีกคัพ 4 สมัยติด แซงหน้า บ็อบ เพรสลี่ย์ ตำนานกุนซือลิเวอร์พูลที่ทำไว้ 3 สมัยติด   |  https://ohozaa.com