ย้อนรอยเกม แม้บางคนจะคิดเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่ามันได้โอกาสที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเสียท่าแพ้ ลิเวอร์พูล คารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ย้อนรอยเกม แม้บางบุคคลจะคิดเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่ามันได้โอกาสที่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จะเสียท่าแพ้ ลิเวอร์พูล คารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในเกม พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 เดือนตุลาคม ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา

แม้กระนั้นก็อาจมีไม่กี่ผู้ที่จะรู้สึกว่าจำนวนบนสกอร์บอร์ดจะเป็น 0-5 เพราะว่าทั้งสองต่างก็เป็นทีมใหญ่กันทั้งสอง รวมทั้งมีนักเตะมีชื่ออยู่ในทีมหลายราย ดังนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แมนฯยูไนเต็ด แพ้คู่แข่งขันด้วยสกอร์ที่เสียหายไม่ถูกกับการที่พวกเขาเป็นทีมใหญ่

ตั้งแต่แมื่อที่ลีกสูงสุดของอังกฤษเปลี่ยนมาใช้ชื่อเป็น พรีเมียร์ลีก รวมทั้งวันนี้พวกเราจะมายกแบบอย่างกันสักนิดว่าเคยมีเกม พรีเมียร์ลีก นัดหมายไหนบ้างที่ “ปีศาจแดง” แพ้ด้วยผลต่างถึง 5 ประตูเสมือนอย่างวันอาทิตย์ก่อนหน้าที่ผ่านมา

แมนฯยูไนเต็ด1-6 สเปอร์ส : 4 เดือนตุลาคม 2020 คนไม่ใช่น้อยบางทีก็อาจจะยังจำเกมนี้ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้นสดๆร้อนๆเมื่อไม่กี่ปีกลายนี่เอง แถมที่ปรึกษาของกลุ่มก็ยังเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

เหมือนกับเกมแดงเดือดนัดหมายปัจจุบันอีกต่างหาก โดยแท้จริงวันนั้น แมนฯยูไนเต็ดขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 2 จากลูกจุดลูกโทษของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ก่อนที่จะ สเปอร์ส จะมารัวทีเดียว 6 ลูก ทั้งนี้ ตอนแรกมันทำท่าว่าแมนฯยูไนเต็ด

ย้อนรอยเกม จะฟื้นตัวได้เร็วจากการชนะ นิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด 4-1 ในเกมลีกนัดต่อมา แต่กลับกลายเป็นว่าเกมลีก 2 นัดต่อจากนั้นพวกเขาทำได้เพียงเสมอกับ เชลซี 0-0 และแพ้ อาร์เซน่อล 0-1 โดยมันยังเตะที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทั้ง 2 เกมด้วย วิเคราะห์บอล

ย้อนรอยเกม

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้คู่แข่งขัน

ย้อนรอยเกม หรือก็คือตอนนั้นทีมของ โซลชา เก็บชัยชนะในลีกกับการเล่นที่บ้านไม่ได้ถึง 3 นัดติดต่อกัน แมนฯยูไนเต็ด1-6 แมนฯ ซิตี้ : 23 ต.ค. 2011 นี่ถือเป็นความปราชัยที่ส่งผลเสียหลายอย่างกับทีมของกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ไม่ว่าจะเป็นการเสีย 6 ลูกในการลงเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1930, ปราชัยคาบ้านแบบย่อยยับมากที่สุดในรอบ 56 ปี และการทำให้แมนฯยูไนเต็ด พลาดแชมป์ลีกในบั้นปลายจากการมีคะแนนเท่ากับ “เรือใบสีฟ้า”

แต่แมนฯยูไนเต็ด มีผลต่างประตูได้-เสีย แย่กว่า ถึงกระนั้น หลังจากนั้น แมนฯยูไนเต็ดก็ฟื้นตัวได้จากการไม่แพ้ใครในลีกไปอีก 9 นัดติดต่อกัน โดยในจำนวนนั้นเป็นการชนะถึง 8 เกมด้วย ก่อนจะถูก แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส

หยุดความร้อนแรงในวันส่งท้ายปีเก่าด้วยการแพ้ไป 2-3 เชลซี 5-0 แมนฯยูไนเต็ด : 3 ต.ค. 1999 ตอนนั้น แมนฯยูไนเต็ดกำลังอยู่ในช่วงที่ฮึกเหิมสุดขีด พวกเขาเพิ่งทำทริปเปิ้ลแชมป์ได้ในฤดูกาล 1998-99, ไม่แพ้ใครในลีกเลยในช่วง 9 นัดแรกของฤดูกาล 1999-2000

แถมยังเป็นการเก็บชัยชนะได้ตั้ง 6 เกมอีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม เชลซี ก็มาเบรกความฮอตของแมนฯยูไนเต็ด จากการเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไล่ต้อนทีมของ เฟอร์กูสัน 5-0 ซึ่งส่วนหนึ่งที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ กุสตาโว่ โปเยต์ ทำประตูขึ้นนำให้ เชลซี

ได้หลังจากเริ่มเกมไปเพียง 27 วินาทีเท่านั้น โดยเกมลีกนัดต่อมา แมนฯยูไนเต็ดแก้ตัวได้ด้วยการชนะ วัตฟอร์ด 4-1 แต่ก็เครื่องสะดุดอีกครั้งจากการแพ้ สเปอร์ส 1-3 ถึงกระนั้น ท้ายที่สุดแล้วในฤดูกาลดังกล่าว แมนฯยูไนเต็ดก็ได้แชมป์ลีกอยู่ดี

นิวคาสเซิ่ล 5-0แมนฯยูไนเต็ด : 20 ต.ค. 1996 วันนั้นเป็นวันที่แมนฯยูไนเต็ด ลงเล่นเกมลีกเป็นนัดที่ 10 ของฤดูกาล ซึ่งก่อนหน้าจะถึงเกมกับ “สาลิกาดง” ผลงานของพวกเขาก็อยู่ในระดับปานกลางไปจนถึงน่าผิดหวังนิดๆ

หลังจากที่ 9 เกมก่อนหน้านั้นทีมของ เฟอร์กูสัน ชนะ 5 เกมกับเสมอ 4 หน  อย่างไรก็ตาม พอถึงวันที่ไปเยือน เซนต์ เจมส์ พาร์ค กลับกลายเป็นว่าแมนฯยูไนเต็ด แพ้ไปด้วยสกอร์ที่เละเทะสุดๆ แถมหลังจากนั้นก็ยังเหมือนเมาหมัดจนแพ้ในลีกเพิ่มอีก 2 เกม

ย้อนรอยเกม นั่นคือการออกไปแพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-6 และแพ้ เชลซี คาบ้าน 1-2 ยังดีที่สุดท้ายในฤดูกาลนั้นพวกเขาเป็นแชมป์ลีกในบั้นปลายได้ เปิดรังเชือดสเปอร์ส