ลูกโหม่งอัศจรรย์ “สุรศักดิ์โยนมาหน้าประตู โหม่งเช็ดถูลูกนี้ หยอดเข้าไปแล้วนะครับ เข้าไปแล้ว สวยสดงดงามอย่างยิ่งนะครับ เกียรติ เสนาเมือง!”

ลูกโหม่งอัศจรรย์ ในกีฬาซีเกมส์ 1993 จุดเริ่มการบรรลุผลของกลุ่มชาติไทยสมัยดรีมทีม เสียงที่ส่งแสงออกมาด้วยอารมณ์ที่ความหนำใจของ “ย.โย่ง” เอกชัย นพจินดา นักบรรยายโด่งดังผู้วายชนม์ที่นำเสนอให้คนประเทศไทยได้รับดูผ่านหน้าจอทีวี

ในเกมนัดหมายชิงแชมป์ ศึกบอลกีฬาซีเกมส์ 1993 ที่ประเทศสิงคโปร์ ยังคงประทับใจแฟนบอลคนประเทศไทยมานานหลายสิบปี ลูกโหม่งที่ไม่มีผู้ใดคาดการณ์ของ “ซิโก้” เกียรติ เสนาเมือง แผงหน้าดาวรุ่งวัยเพียงแค่ 19 ปีเวลานี้

นอกเหนือจากการที่จะช่วยกลุ่มชาติไทย เชือดชนะ เมียนมา 4-3 พร้อมทวงบัลลังก์เจ้าอาเซียนที่รกร้างว่างเปล่ารามานานถึง 8 ปีได้เสร็จแล้ว ยังนับเป็นจุดกำเนิดที่ยุคทองของบอลไทยในชุด “ดรีมทีม” ที่อยู่ในความจำของทุกคนด้วยเหมือนกัน ขอพาแฟนบอลย้อนไปในระยะเวลาที่ความซาบซึ้งดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เพื่อจับใจไปกับต้นกำเนิดของกลุ่มชาติไทยชุดที่ยอดเยี่ยมชุดหนึ่ง ในประวัติศาสตร์

กลุ่มที่ความฝัน กลุ่มชาติไทยชุดดรีมทีม แม้ว่าจะไม่ใช่แฟนบอลตัวยง แม้กระนั้นมั่นใจว่าเกือบทุกคนคงจะเคยรับรู้ความโด่งดังของกองทัพนักฟุตบอลไทยชุดนี้อย่างดีเยี่ยม เพราะว่ากลุ่มชาติไทยชุดนี้นับเป็นเลิศในกลุ่มชุดที่บรรลุเป้าหมายสูงที่สุด ในประวัติศาสตร์ลูกภาพยนตร์ไทยก็ว่าได้

ที่สำคัญไม่ใช่แค่การบรรลุผล ในสนามเพียงอย่างเดียว พวกเขายังเป็นผู้ปลุกกระแสบอลไทยให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกรอบ นักฟุตบอลคนไม่ใช่น้อยก้าวขึ้นมาเป็นขวัญใจที่มีคู่รักบอลนับพันนับหมื่นรอติดตาม ประเภทที่ว่าลงแข่งขันครั้งไหนถนนหนทางทุกสายแทบเงียบสนิท ไม่แห่กันไปเชียร์กระทั่งล้นสนามก็ออกันให้กำลังใจอยู่จอโทรทัศน์

เมื่อก่อนจะมารวมตัวกันได้นั้นพวกเขามีทางที่น่าดึงดูดอย่างมาก ย้อนกลับไปตอนปี พุทธศักราช 2534 บอลไทยในเวลานั้นนับว่าเป็นตอนขาลง กระแสตอบรับเริ่มซบเซา เพราะห่างหายจากการบรรลุผลมานาน  วิเคราะห์บอล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศึกกีฬาซีเกมส์ ที่ชวดเหรียญทองมา 3 ยุคติด ลูกโหม่งอัศจรรย์

รวมทั้งผ่านเข้ารอบชิงแชมป์ ได้เพียงแค่ครั้งเดียว ลูกโหม่งอัศจรรย์ ตั้งแต่แมื่อครอบครองแชมป์คราวสุดท้ายเมื่อปี พุทธศักราช 2528 แม้ว่าจะมีสตาร์ดังเยอะมากอีกทั้ง ปิยะดงษ์ ผิวอ่อน, รณชัย สยมชัย, ไพฑูรย์ ธุระมงคลศักดา, อรรถพล ปุษขว้างคม, รุ่งเรือง พ่วงจันทร์ อื่นๆอีกมากมาย

เวลาที่นอกสนามก็ถูกเสียงครหาประเด็นการล้มบอล ล็อกผลที่เกิดจากการแข่งขัน จนถึงนักฟุตบอลบางรายจะต้องไปสาบานที่วัดพระแก้วเพื่อพิสูจน์ความจริงใจอย่างยิ่งจริงๆ

เวลานั้นเอง เครื่องหมายชัย สัจจกุล (ชื่อเดี๋ยวนี้ วนัสธท้องนา สัจจกุล) หรือที่คนภายในแวดวงตั้งนามแฝงให้ว่า “บิ๊กหอย” นักธุรกิจไฟแรงที่ทำเงินอย่างใหญ่โตจากการสร้างแอร์ให้กับแบรนด์ชั้นแนวหน้า ได้ผันตัวก้าวเข้ามานั่งแท่นผู้จัดการทีมกลุ่มชาติไทยตามความฝันของตน ลูกโหม่งอัศจรรย์

เครื่องหมายชัยได้เริ่มฟอร์มกลุ่มตั้งแต่ชุดเยาวชน 19 ปี เรื่อยๆมา โดยดึง ชัชชัย พหลหมอ มาเป็นกุนซือ เพื่อจุดหมายสำหรับเพื่อการไปโอลิมปิก เกมส์ 1996 พร้อมคิดแผนยกฐานะแวดวงด้วยการดึงนักบอลมาเข้าแคมป์เก็บเนื้อเก็บตัวกลุ่มชาติเป็นเดือน ๆ

เพื่อเพิ่มสมรรถนะทั้งยังฝีเท้ารวมทั้งความพร้อมใจ พร้อมเพิ่มสิ่งจูงใจด้วยเบี้ยงเลี้ยงที่มากขึ้นจากวันละ 75 บาท เป็น 500 บาท อย่างไรก็ดีปัญหาแรกที่คณะทำงานชุดนี้จะต้องพบเป็นสมาพันธ์ส่วนมากมีโปรแกรมลงแข่งขันตลอดทั้งปี

ก็เลยไม่มีกลุ่มไหนต้องการจะปลดปล่อยนักฟุตบอลซูเปอร์สตาร์มาร่วมฝึกกับกลุ่มชาติตรงเวลายาวนานหลายเดือน ทำให้คณะทำงานจะต้องเสาะหานักฟุตบอลคนใหม่มาประดับธงแทน โดยออกสำรวจมองฟอร์มดาวรุ่งจากทัวร์นาเมนต์ระดับล่าง ก่อนที่จะได้ดาวรุ่งโนเนมที่เกือบจะไม่มีผู้ใดรู้จักมากมายลุ่มหนึ่งราว 25-30 คน

เด็กกลุ่มนี้โดยมากเป็นตัวสำรองของสมาพันธ์ในระดับถ้วย ข รวมทั้งถ้วย ค บางบุคคลถึงขั้นไม่เคยลงเล่นในทัวร์นาเมนต์เลยด้วย กล่าวได้ว่าแทบจะไม่เห็นอนาคต และไม่มีคนใดกันแน่มั่นใจว่าเด็กอายุ 19-21 ปีกลุ่มนี้จะสร้างการบรรลุเป้าหมายให้กับกลุ่มชาติไทยได้ ไม่ว่าจะเป็น เกียรติ เสนาเมือง,

เครื่องหมายชัย ดำรงอ่องเชื้อสาย, สมาน ดีสันเที๊ยะ, วัชรดงษ์ สมจิตร, โกวิทย์ ฝอยทองคำ, พัฒนดงษ์ ศรีปราโมช, สุเคยชิน พันธ์ประภาส, วัชเกลื่อนกลาดร อันทะคำภูเขา, สุพล เสนาเพ็ง รวมทั้ง วีระ ข้าวสาลี ที่ล้วนเป็นเพียงแค่วัยรุ่นไม่มีประสบการณ์ณ เวลานั้น ตัวอย่างรุ่นใหม่

รวมดาวกระจาย จากความฝันที่ปรารถนา สร้างกลุ่มที่เก็บลำแข้ง ดาวเด่นมากมาย ลูกโหม่งอัศจรรย์

สมาคมมารวมตัวฝึกในชื่อกลุ่มชาติไทย เปลี่ยนไปเป็น “กลุ่มรวมดาวกระจาย” ซึ่งมีก็เพียงแต่นักฟุตบอลดาวรุ่งโนเนมจากที่เครื่องหมายชัยเรียก แม้กระนั้นพวกเขาก็ไม่ยอมแพ้ขมักเขม้นเก็บเนื้อเก็บตัวซ้อมถัดไปโดยไม่สนใจเสียงวิจารณ์

จริงๆแล้วกลุ่มชุดนี้จัดว่าได้รับการจับตาจากสื่อมวลชนไม่น้อย เหตุเพราะความอาจหาญและก็บุ่มบ่ามของกุนซือที่ยอมควักเงินในกระเป๋าส่วนตัวหลักล้านมาสร้างกลุ่ม ลูกโหม่งอัศจรรย์ ซึ่งแม้จะบอกให้ถูกก็คือทุกคนต้องการมีความคิดเห็นว่ากลุ่มชุดนี้จะมีน้ำยาไปได้ไกลสักเพียงใด

ถึงกับขนาดที่ว่านักข่าวสายกีฬามีชื่ออย่าง เทวดาไชย วิโนทัย (พ่อของ “ลีซอ” ธีรเทวดา วิโนทัย) ให้ฉายาในเชิงเสียดสีให้ว่า “ดรีมทีม” ล้อกับชื่อดรีมทีมของกลุ่มบาสเกตบอลอเมริกา ที่อนุญาตให้นักยัดห่วงอาชีพมาเล่นในโอลิมปิก เกมส์ได้ในตอนนั้นพอดิบพอดี

นับตั้งแต่นั้นกลุ่มชาติไทยชุด ลูกโหม่งอัศจรรย์ “ดรีมทีม” ก็เกิดขึ้นมาอย่างเป็นทางการในปี พุทธศักราช 2535 ภายหลังจากเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่พักใหญ่ภายใต้กฎระเบียบที่เอาจริงเอาจังของ ชัชชัย พหลหมอ ผู้ครอบครองสมญานาม “ผู้ฝึกสอนจอมฟิต”

ที่นักฟุตบอลจำเป็นต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 ทุกๆวันเพื่อมาวิ่ง วิ่ง วิ่ง รวมทั้งวิ่ง รวมทั้งการดูแลบำรุงอย่างยอดเยี่ยมอีกทั้งของกินรวมทั้งเครื่องดื่มเพื่อนักเตะมีความฟิตตลอด 90 นาที แล้ววันหนึ่งจังหวะแรกของกลุ่มชาติไทยชุดดรีมทีมก็มาถึง

พวกเขาได้ส้มตกเป็นผู้แทนของประเทศแทนกลุ่มชาติชุดใหญ่ที่ติดภารกิจ ไปชิงชัยในศึกเมอร์ไลออน คัพ ที่ประเทศสิงคโปร์ ในธ.ค. พุทธศักราช 2535 ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ฝึกซ้อมที่ชวนกลุ่มชาติแล้วก็สมาพันธ์ดังจากหลายทวีปมาโชว์ฝีเท้า