แดงเดือดไล่ป็อกบา ใช้ไฟฟ้าน้อยลงเบอร์ห้า แมนฯ ยูไนเต็ด คืนกลับสู่ฟอร์มน่าเวทนาอีกครั้ง แถมงวดนี้อาการรุนแรงหนักสุด เมื่อโดน ลิเวอร์พูล บุกมาหยามถึงถิ่น

แดงเดือดไล่ป็อกบา ใช้ไฟฟ้าน้อยลงเบอร์ห้า แมนฯ ยูไนเต็ด คืนกลับสู่ฟอร์มน่าเวทนาอีกที แถมงวดนี้อาการรุนแรงหนักสุดเมื่อโดน ลิเวอร์พูล บุกมาหยามถึงถิ่น แล้วก็เสียประตูง่ายเป็นเข่งดังที่เคยก่อนแพ้คู่ปรับตลอดไปไปแบบขาดลอย 5-0

เป็นแฮททริคของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์แถม ปอล ป็อกบา ผู้เล่นสำรองเจ้าของบ้านได้ใบแดงตั้งแต่ต้นช่วงหลังอีกด้วยจากการฟาดหน้าแข้งฟุตบอล พรีเมียร์ลีก นัดหมายบิ๊กแม็ตช์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม ทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา

ผู้จัดการทีมฟุตบอล อสูรแดง มีแววใกล้โดนปลดเต็มทนแล้วเพราะเหตุว่าคุมทีมรั้งอันดับเจ็ด ในตอนที่ เร้ด แมชีน กลับไปด้อยกว่าหัวหน้าฝูง ตามหลัง เชลซี แต้มเดียว สนาม : โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ศึกวันแดงเดือดเกมพรีเมียร์ลีกคืนวันอาทิตย์ที่ 24 เดือนตุลาคม

แมนฯยูไนเต็ด มีเซอร์ไพรส์ได้ เฟร็ด , มาร์คัส แรชฟอร์ด และก็ บรูโน่ แฟร์นันด์ส หายเจ็บตรงเวลาทั้งปวง นอกจาก ราฟาแอล วาราน โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ก็เลยเชื่อมั่นใน 11 นายทัพจากเกมเฝ้าบ้านคว่ำ อตาลันต้า 3-2 ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก

ทำให้ ปอล ป็อกบา นั่งเป็นตัวสำรองต่อ เวลาที่ ลิเวอร์พูลขาด ฟาบินโญ่ ที่เจ็บหัวเข่าเล็กน้อย แล้วก็ ดร็อป ซาดิโอ มาเน่ กับ โฌแอล มาติ๊ป ไปนั่งข้างสนามโดยปรับให้ ดีโอโก้ โชต้า ที่ฟิตสมบูรณ์แล้วออกสตาร์ตร่วมกับ อิบราฮิม่า โกนาเต้

ลิเวอร์พูลชิงเล่นเกมรุกเข้าใส่ก่อน แม้กระนั้นนาทีที่ 4 คงจะเสียประตูตั้งแต่หัววันเมื่อโดนเจ้าของบ้านตัดเกมแล้ว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ป้ายบอลจากกราบซ้ายเข้ากึ่งกลางให้ เมสัน กรีนวู้ด ตบออกขวา แต่ว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส

ทำเสียของเหลือเชื่อกดจาก 14 หลาไม่มีผู้ใดคุมโด่งหลุดกรอบไปบาน แดงเดือดไล่ป็อกบา แล้วก็แล้วนาทีถัดมา หงส์แดง ก็ลูบคลำเป้าได้เสร็จเมื่อแผงหลัง ผีแดง เปิดรูเบ้อเร่อให้ โม ซาลาห์ก็เลยรับบอลมาจ่ายเข้าจุดโทษให้ นาบี เกอิต้า

หลุดลำพังไปแปเรียดนิ่มๆระยะ 12 หลาผ่านการพยายามใช้ขาเซฟของ ดาบิด เด เคอา พาลิเวอร์พูล บุกมานำ 1-0 ขยับมานาทีที่ 10 แมนฯยูไนเต็ด ได้เสียวอีกหนเมื่อ เฟร็ด แย่งบอลได้แล้ว มาร์คัส แรชฟอร์ด เกี่ยวไปยิงไกลเต็มข้อในทันทีจาก 30 หลา

จ่ายบอลเฉี่ยวเสาแรกออกไปไม่เยอะแยะ อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 13 เกมรับที่สับสนของเจ้าของบ้านก็เปิดช่องให้ทีมเยือนเพิ่มสกอร์ได้อีกเม็ดจากบอลโด่งทางด้านซ้ายที่ลอยมาหน้าจุดโทษแล้ว ลุค ชอว์ ไปเกะกะกับ แฮร์รี่ แม็กไกว์ คุ้นเคย เกอิต้า

ก็เลยสบช่องไหลออกทางขวามือโดยมี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ปาดมาหน้าประตูอีกครั้ง ดีโอโก้ โชต้า ก็เลยปรี่สไลด์เข้าฮอสห้าหลาพา เร้ด แมชีน ทิ้งห่าง 2-0 ประเภทที่ เด เคอา หมดสิทธิ์ปกป้อง ล่วงมาถึงนาทีที่ 23

หลังจากต่อบอลหาช่องกันอยู่นาน แฟนบอล ปีศาจแดง ก็ได้ฮือฮาเมื่อ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ก็ผ่านบอลขึ้นทางซ้ายให้ ลุค ชอว์ ลองตะบันจากริมเขตโทษเฉี่ยวเสาไกลออกไปแบบมีเสียว แต่แล้วอีกสามนาทีให้หลัง เจมส์ มิลเนอร์

แดงเดือดไล่ป็อกบา ดาวเตะสารพัดประโยนช์ของลิเวอร์พูล ก็ล้มเจ็บเล่นต่อไม่ได้ ต้องเดินออกไปให้ เคอร์ติส โจนส์ ลงเสียบแทน และถึงนาทีที่ 28 กรีนวู้ด ก็ได้บอลจาก แฟร์นันด์ส แล้วลองพลิกยิงจากหน้าเขตโทษด้านขวาทำเอา อลิสซง ต้องกระโจนปัดทิ้ง วิเคราะห์บอล

แดงเดือดไล่ป็อกบา

แฮททริคของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

แดงเดือดไล่ป็อกบา ผีแดง น่าจะโดนเข่นเม็ดสามในนาทีที่ 32 จากจังหวะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำบอลทะลักจากกลางสนามกลับเข้าแดนตัวเอง ซาลาห์จึงตามไปเก็บกระชากเข้าเขตโทษด้านขวาแบบหลุดเดี่ยวก่อนซัดมุมแคบติดหน้าอก เด เคอา ที่ออกมาบล็อค

ในที่สุดนาทีที่ 37 โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็เงียบกริบเหมือนป่าช้าตอนตีสามจากจังหวะที่ลิเวอร์พูล ต่อบอลสั้นหลายทอดแล้ว ซาลาห์ตะบันจากหน้าเขตโทษแฉลบ แม็กไกวร์ เกอิต้า จึงตามไปเก็บทางขวาแล้วไหลมาเสาแรก

ให้ดาวยิงอียิปต์ทะยานเข้าจิ้มบอลระยะหกหลาเสียบเสาแรกพาทีมเยือนนำห่าง 3-0 โดยซาลาห์ สร้างสถิติเป็นคนแรกที่ยิงได้ในโรงละครแห่งความฝันสามนัดติดต่อกันอีกด้วย ดวลกันมาถึงนาทีที่ 41 ชอว์ ก็โดนจดชื่อเป็นคนแรกของเกมจากจังหวะดึง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่

กระทั่งในช่วงทดเวลา แฟร์นันด์ส ก็ไหลบอลเข้าเขตโทษด้านขวาให้ โรนัลโด้ หลุดไปเข่น แดงเดือดไล่ป็อกบา แต่ อลิสซง ถลันออกมาเร็วจึงบล็อคได้ทัน และมี โจนส์ ตามไปเก็บตกแถวมุมธงแล้วถูก โรนัลโด้ ที่ออกอารมณ์หงุดหงิดเข้าทำฟาวล์จนคว่ำ

แถมสตาร์เลือดฝอยทองเตะบอลใส่คู่กรณีที่ล้มคร่อมบอลอยู่จึงโดนจดชื่อตามระเบียบ ถัดมาอีกพริบตาเดียว เฟร็ด ก็รับใบเหลืองไปอีกรายเมื่อเล่นอันตรายยกเท้าสูงในจังหวะที่ เกอิต้า พยายามใช้หัวโขกบอล และขณะที่ต่อเวลากันมาถึงนาทีที่ 50

ประวัติศาสตร์ก็เกิดขึ้นเมื่อ ปีศาจแดง โดนบอมบ์สี่เม็ดในเกมแดงเดือดตั้งแต่ครึ่งแรกจากการผ่านบอลหน้าเขตโทษของ ฟีร์มิโน่ ที่เปิดทางสะดวกให้ซาลาห์ ที่รออยู่ทางด้านขวาแบบโล่งๆปราดเข้าแปแบบสบายๆเสียบเสาแรก

จบครึ่งแรกลิเวอร์พูล จึงบุกมานำแบบขาดลอย 4-0 ทำเอาสาวก ปีศาจแดง โห่ใส่ โซลชา ดังกระหึ่มขณะกุนซือชาวนอรเวย์เดินกลับเข้าอุโมงค์ ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ปล่อย ป็อกบา ลงไปแทน กรีนวู้ด แต่แค่นาทีแรก แฟร์นันด์ส ไปสอย โจนส์

กลิ้งแถวริมสนามทำให้ได้ใบเหลืองอีกราย และถึงนาทีที่ 50 ป็อกบา ก็เล่นเชื่องช้าโดนรุมแย่งบอลแถงกลางสนามทำให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน จ่ายจังหวะเดียวแบบไซด์ก้อยให้ซาลาห์ หลุดเดี่ยวเข้าเขตโทษด้านขวาไปยิงผ่าน เด เคอา

พา หงส์แดง นำลิ่ว 5-0 เป็นแฮททริคของสตาร์มัมมี่ เขี่ยบอลใหม่มาถึงนาทีที่ 52 แม็กไกวร์ ใช้การวางยาวจากวงกลมกลางสนามให้ โรนัลโด้ หลุดไปลากหนี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จากกราบขวาเข้าเขตโทษแล้วซัดลูกโค้งตุงตาข่ายที่เสาไกล

แต่มีวีเออาร์ยืนยันว่า โรนัลโด้ ล้ำหน้า ขยับมานาทีที่ 55 แม็กไกวร์ แหย่ขาเกี่ยว โชต้า ล้มหน้าเขตโทษจึงได้ใบเหลือง แดงเดือดไล่ป็อกบา แถมอีกสี่นาทีต่อมา ป็อกบา ไปยันใส่ข้อเท้าขวาของ เกอิต้า เลยได้ใบเหลืองชนิดหมดสิทธิ์เถียง

แต่ผู้ตัดสินได้รับสัญญาณให้วิ่งออกไปเช็ควีเออาร์ และเปลี่ยนมาแจกใบแดงให้กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสแทน ขณะที่ เกอิต้า โดนหามลงเปลออกไปโดยมี อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน ลงเล่นแทน โซลชา แก้ไขสถานการณ์โดยเปลี่ยน แฟร์นันด์ส

กับ แรชฟอร์ด ออก และส่ง ดีโอโก้ ดาโลต์ กับ เอดินสัน คาวานี่ ลงสนามในนาทีที่ 63 กระทั่งนาทีที่ 71 อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เติมขึ้นมากระทุ้งหน้าเขตโทษด้านขวา ทำเอา เด เคอา ต้องออกแรงปัดหลุดกรอบ

ผ่านมาถึงนาทีที่ 77 เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ส่ง มาเน่ ลงสนามแทน ฟีร์มิโน่ จวบจนนาทีที่ 83 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ลูกฟรีคิกทางขวา และเป็น แม็คโทมิเนย์ ที่โขกตั้งให้ คาวานี่ เข้าฮอสเหน่งๆสี่หลา แต่บอลกระทบขา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แล้วลอยไปชนคาน

นาทีที่ 86 อาร่อน วาน บิสซาก้า ได้ใบเหลืองอีกรายข้อหาทำฟาวล์ โชต้า แถวกลางสนาม จบเกม ผีแดง จึงแพ้ หงส์แดง คารังชนิดดูไม่จืด 5-0 และน่าจะทำให้ โซลชา ใกล้โดนปลดเต็มทีแล้วโดยเกมต่อไป แมนฯ ยูไนเต็ด มีคิวบุกไปเยือน สเปอร์ส ในเกมลีก

ก่อนต้องบินไปฟาดเกือกกับ อตาลันต้า ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ตามด้วยเปิดรังซดกับ แมนฯ ซิตี้ รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนาม แมนฯ ยูไนเต็ด (4-2-3-1) : ดาบิด เด เคอา – อาร่อน วาน บิสซาก้า , วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ,

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ , ลุค ชอว์ – เฟร็ด , สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ – บรูโน่ แฟร์นันด์ส (เอดินสัน คาวานี่ น.63) , เมสัน กรีนวู้ด (ปอล ป็อกบา น.46) , มาร์คัส แรชฟอร์ด (ดีโอโก้ ดาโลต์ น.63) – คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลิเวอร์พูล (4-3-3) :

อลิสซง – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ , อิบราฮิม่า โกนาเต้ , เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ , แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , เจมส์ มิลเนอร์ (เคอร์ติส โจนส์ น.26) , นาบี เกอิต้า (อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน น.64) – ดีโอโก้ โชต้า ,

แดงเดือดไล่ป็อกบา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ , โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (ซาดิโอ มาเน่ น.77) ผู้ตัดสิน : แอนโธนี่ เทย์เลอร์ แมดดิสันหวดชัย