โหดไม่พัก แมนฯ ซิตี้ สร้างความสุขให้กับแฟนบอลในช่วงเทศกาลแบบมีเสียวในช่วงครึ่งหลัง 

โหดไม่พัก แมนฯ ซิตี้ สร้างความสุขให้กับแฟนบอลในช่วงเทศกาลแบบมีเสียวในช่วงครึ่งหลังด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ เลสเตอร์ซิตี้ ไปได้ชนิดน้ำลายเหนียวคอ 6-3 โดยทั้งเก้าประตูของเกมเกิดจากฝีเท้าของแปดนักเตะจากทั้งสองทีม

ยกเว้น ราฮีม สเตอร์ลิ่ง รายเดียวที่ยิงสองตุง ทำให้ เรือใบสีฟ้า ขยับหนี ลิเวอร์พูล ที่ถูกเลื่อนเกมกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ออกไปเป็นหกแต้มแล้วจากการฟาดแข้งฟุตบอล พรีเมียร์ลีก สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม แมนฯซิตี้ ปรับทัพสองตำแหน่งจากเกมบุกไปยำใหญ่ นิวคาสเซิ่ล 4-0

โดยใช้งาน อิลคาย กุนโดกัน กับ แฟร์นานดินโญ่ แทน กาเบรียล เชซุส ที่นั่งอยู่ข้างสนาม กับ โรดรี้ ที่ไม่มีส่วนในเกมนี้ ขณะที่ซุ้มตัวสำรองใส่ชื่อสองนายทวาร รวมทั้ง เคย์คีย์ กองหน้าแซมบ้าวัย 18 ปีเจ้าของฉายา “นิวเนย์มาร์” ที่มีชื่ออยู่ในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก

ด้าน เลสเตอร์ เปลี่ยนขุนพลหกรายจากเกมถูก ลิเวอร์พูล เขี่ยตกรอบฟุตบอล คาราบาวคัพ เมื่อวันพุธโดยปราศจากนักเตะที่เดี้ยงหลายรายทั้ง ริคาร์โด้ เปเรยร่า, แพตสัน ดาก้า และ คักลาร์ โซยุนคู ส่วน เจมี่ วาร์ดี้ , วิลฟรีด เอ็นดีดี้ และ บูบาการี่ ซูมาเร่ ถูกจัดให้นั่งเป็นตัวสำรอง

เขี่ยบอลได้ 5 นาทีเท่านั้น เจ้าบ้านซึ่งบุกใส่ตั้งแต่แรกก็ได้เฮก่อนจากจังหวะที่ แฟร์นานดินโญ่ กัปตันทีมตักบอลเข้าเขตโทษแล้ว เควิน เดอ บรอยน์ โชว์เหนือเกี่ยวลงพื้นพร้อมโยกหนี ยันนิค เวสเตอร์การ์ด ก่อนพลิกตัวยิงจาก 16 หลาผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล พา เรือใบ นำหน้า 1-0

ผ่านมาถึงนาทีที่ 12 แมนฯซิตี้มาได้ลูกโทษอีกจากลูกเตะมุมที่ ยูริ ตีเลมันส์ ไปโอบ เอมเมริค ลาปอร์ก ล้มในกรอบโดยผู้ตัดสินวิ่งไปเช็ควีเออาร์แล้วเป่าให้เป็นลูกโทษก่อนที่ ริยาด มาห์เรซ จะตะบันผ่านจังหวะพุ่งปัดของ ชไมเคิ่ล ได้สำเร็จจึงเป็นอันว่าทีมมหาเศรษฐีขยับหนี 2-0

เดอะ ฟ๊อกซ์ สู้ต่อไม่มีท้อ และมาได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษ 25 หลานาทีที่ 18 เจมส์ แมดดิสันจึงวิ่งเข้าปั่นถูก เอแดร์ซอน ปัดบอลไปกระทบคานก่อนเคลียร์ทิ้งได้สำเร็จ หลังรอดการเสียประตู แมนฯซิตี้ก็บุกต่อ และจากการทำชิ่งกันหลายทอดทางฝั่งขวา

โหดไม่พัก ชูเอา กานเซโล่ ก็เติมมาปาดบอลจากเส้นหลังไปหน้าประตู ชไมเคิ่ล จึงขยับออกมาปัด แต่เป็นการถวายพานให้ อิลคาย กุนโดกัน ซัดง่ายๆไม่เหลือเพิ่มสกอร์ให้ทีมจ่าฝูงนำลิ่ว 3-0 วิเคราะห์บอล

โหดไม่พัก

ด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ เลสเตอร์ซิตี้ ไปได้ชนิดน้ำลายเหนียวคอ 6-3

โหดไม่พัก ถึงนาทีที่ 24 ตีเลอมันส์ กองกลางตัวเก่งของทีมเยือนทำพลาดอีกหนเมื่อแหย่ขาไปดัก ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่พยายามพาบอลเลื้อยหนีล้มในเขตโทษ ท่านเปาจึงชี้ไปที่จุดโทษ และเป็น สเตอร์ลิ่ง ขอยิงเองไม่พลาดทำให้แชมป์เก่านำห่าง 4-0

เกมล่วงมาอีกสิบนาที แมนฯซิตี้เกือบเช็คบิลเพิ่มได้อีกเมื่อ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ บรรจงตักบอลจากแถวสองเข้าเขตโทษด้านขวาแล้ว แบร์นาร์โด้ ซิลวา แปะต่อจังหวะเดียวให้ สเตอร์ลิ่ง ง้างยิงที่หน้าประตูทันที แต่ ชไมเคิ่ล เซฟได้สำเร็จ

ในที่สุดนาทีที่ 44 เวสเตอร์การ์ด ปราการหลัง เลสเตอร์ ก็มาได้ใบเหลืองแรกของเกมเมื่อปรี่เข้าสไลด์ใส่ แบร์นาร์โด้ ซิลวา อันตรายทางริมเส้นด้านขวา และจากลูกฟรีคิกจังหวะนี้ เดอ บรอยน์ ใช้วิธีปาดเรียดมาหน้าเขตโทษให้ กุนโดกัน วิ่งเข้าซัดถูก ชไมเคิ่ล ทุบทิ้งได้

ครึ่งหลัง สุนับจิ้งจอก อยู่เฉยไม่ไหวตัดสินใจเปลี่ยน ทิโมธีย์ กาสตาญ ลงไปแทน อโยเซ่ เปเรซ และดันให้ มาร์ค อัลไบรท์ตัน ขยับไปเล่นในแดนกลาง กระทั่งนาทีที่ 55 แผงหลังเจ้าบ้านที่ดันขึ้นสูงกันทั้งหมดก็แจกของขวัญวันบ๊อกซิ่งเดย์ให้อาคันตุกะจนได้

เมื่อลาปอร์ก ลื่นล้ม จึงเปิดทางให้แมดดิสัน เกี่ยวลูกโยนยาวหนีไปจ่ายทำชิ่งกับ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ แล้วได้บอลคืนซัดตุงตาข่ายโล่งๆจาก 12 หลาตีไข่แตกให้ทีมเยือนไล่ตาม 4-1 เขี่ยบอลกันใหม่อีกสี่นาที แมดดิสันก็ระเบิดฟอร์มเทพอีก

เมื่อกระชากบอลหนีสามมิดฟิลด์ แมนฯซิตี้แล้วแทงยาวให้ อิเฮียนาโช่ ลากไปไหลเข้าเขตโทษให้ อเดโมล่า ลุคแมน หลุดไปเข่นระยะ 16 หลาผ่าน เอแดร์ซอน เข้าประตู จึงเป็นอันว่า เลสเตอร์ ตามมาเป็น 4-2 แล้ว

ทีมเยือนยิ่งเล่นก็ยิ่งแรง และนาทีที่ 65 แมดดิสันทำดีอีกหนเมื่อรับบอลจากด้านซ้ายแล้วส่องไกลระยะ 25 ทำเอา เอแดร์ซอน ต้องพุ่งปัดส่งบอลไปชนคาน ส่งผลให้ อิเฮียนาโช่ ได้ซ้ำเก็บตกเป็นประตูที่ทำให้ทีมเยือนไล่จี้เป็น 4-3

ถึงตรงนี้ เรือใบสีฟ้า ต้องกัดฟันบุกกันใหม่ และมาได้ลูกเตะมุมด้านขวาใน นาทีที่69 โดย ลาปอร์ก เอาชนะการประกบตัวของ ฮิเฮียนาโช่ โดดโขกจาก 12 หลาเข้าประตูจนได้ จึงเป็นอันว่า แมนฯซิตี้นำเป็น 5-3

อย่างไรก็ดี ถัดมาอีกพักเดียว เลสเตอร์ ได้ลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษด้านซ้ายแมดดิสัน จึงหลอกจ่ายเข้าเขตโทษให้ อิเฮียนาโช่ วิ่งเข้ายิงตามน้ำยัดใส่มุมแคบ ดีที่ว่า เอแดร์ซอน ขยับออกมาบล็อคได้สำเร็จก่อนที่ทั้งสองทีมจะเปลี่ยนตัวสำรอง

โดยเจ้าบ้านส่ง ฟิล โฟเด้น ลงไปแทน เดอ บรอยน์ พร้อมกับที่ทีมเยือนใช้งาน ฮัมซ่า ชูดฮูรี่ แทน ตีเลอมันส์ จากนั้นในนาทีที่ 75 แมดดิสันไปเขี่ยบอลทิ้งในจังหวะเสียลูกฟรีคิกให้ แมนฯซิตี้จึงมีใบเหลืองติดตัว แต่นาทีที่79 เลสเตอร์ น่าจะได้สกอร์เพิ่มอีก

เมื่อลุค โธมัส ตวัดบอลจากเส้นหลังด้านซ้ายมาหน้าประตูอันตราย แต่ อัลไบรท์ตัน โถมขวิดจาก 12 หลาออกเสาสองไปเองทั้งๆที่ไม่มีใครประกบแล้ว ท้ายเกม เรือใบ เร่งเครื่องอีกระลอก และมาได้ลูกเตะมุมด้านขวาอีกในนาทีที่ 86 โดยคราวนี้ รูเบน ดิอาส ได้โขกแล้วมี สเตอร์ลิ่ง เข้าแปตามน้ำเผาขนพาเจ้าถิ่นนำเพิ่มเป็น 6-3

เข้าสู่ช่วงทดเวลา แฟร์นานดินโญ่ ไปจิ้มใส่แมดดิสัน ทำให้โดนไข้เหลืองเล่นงานทิ้งท้าย หมดเวลา แมนฯซิตี้จึงคว้าชัยได้สำเร็จด้วยสกอร์ 6-3 ขยับหนี ลิเวอร์พูล ทีมรองจ่าฝูงที่ถูกยกเกมกับ ลีดส์ ออกไปเป็นหกแต้มแล้ว

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม แมนฯซิตี้ : เอแดร์ซอน , ชูเอา กานเซโล่ , รูเบน ดิอาส , เอมเมอริค ลาปอร์ก , โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ , แฟร์นานดินโญ่ , เควิน เดอ บรอยน์ (ฟิล โฟเด้น น.70) , อิลคาย กุนโดกัน , แบร์นาร์โด้ ซิลวา , ริยาด มาห์เรซ ,ราฮีม สเตอร์ลิ่ง

โหดไม่พัก เลสเตอร์ซิตี้ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล , มาร์ค อัลไบรท์ตัน , ดาเนี่ยล อามาเตย์ , ยันนิค เวสเตอร์การ์ด , ลุค โธมัส , อโยเซ่ เปเรซ (ทิโมธีย์ กาสตาญ น.46) , ยูริ ตีเลอมันส์ (ฮัมซ่า ชูดฮูรี่ น.70) , คีแมน ดิวสบิวรี่ , อเดโมล่า ลุคแมน , เจมส์ แมดดิสัน , เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ผู้ตัดสิน : คริส คาวานาห์ ฮาวมาเหนือ