สู้ด้วยพลังเชื่อถือ กำลังขับที่จะทำให้มนุษย์เรายืนขึ้นสู้ มีอะไรบ้าง ? หนึ่งในนั้นเป็น “ความนับถือ”
สู้ด้วยพลังเชื่อถือ หลายหนที่พวกเรามีความเห็นว่า พลังของแรงเลื่อมใสช่วยทำให้มนุษย์เราก้าวผ่านข้อจำกัด ช่วยทำให้พวกเราฮึดสู้ได้อย่างกับปาฏิหาริย์… เชื่อถือที่จะกลับมาได้ เชื่อมั่นที่จะไม่แพ้ เชื่อถือที่จะชนะ
แล้วก็ตั้งแต่อดีต พวกเราก็มองเห็นบอลกลุ่มชาติไทยของพวกเราทำอย่างงั้นมาได้ไม่น้อย มีคราวใดบ้าง ไทย ชนะจุดลูกโทษ อินโดนีเซีย 4-2 (เสมอในเวลา 1-1 บอลกีฬาซีเกมส์ 1997 รอบชิงแชมป์ – 18 ตุลาคม1997)
เหมือนกับเกมบอล พวกเราเคยได้เห็นเกมพลิกล็อกที่บางครั้งมตามหลังอยู่หลายประตู แล้วสามารถพลิกกลับมาเอาชนะได้หลายต่อบ่อย สิ่งพวกนี้เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากมากมายต้นเหตุ แม้กระนั้นแน่ๆว่าหนึ่งในนั้นมีเหตุมาจากพลังเลื่อมใส
การเดินทางไปแข่งที่ประเทศอินโดนีเซีย ไม่มีอะไรง่ายสำหรับกลุ่มชาติไทย เพราะว่านอกเหนือจากจำต้องแข่งกับกลุ่มคู่ปรับแล้ว ยังจำต้องต่อสู้ทางด้านภาวะจิตใจกับกองเชียร์เรือนเเสน ที่สนามเสนากระทั่งถึง (เกโรร่า บุง การ์โน ในขณะนี้) ไล่ตามความสำเร็จ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอบชิงแชมป์ ที่กลุ่มไทยผู้ครอบครองเหรียญทอง 2 ยุคต่อเนื่องกันที่ผ่านมา
โคจรมาเจอกับ อินโดนีเซีย ผู้จัดงาน เป้าหมายมั่นปั้นมือจะปกป้องแชมป์ไว้ให้ได้ นี่เป็นหนึ่งในเกมที่คอบอลไทยสมัยดรีมทีมจำได้ดิบได้ดีที่สุดเกมหนึ่ง บรรยากาศที่ เสนาจนถึง เป็นไปอย่างถึงใจถึงอารมณ์ อีกทั้งดอกไม้ไฟไฟ ผู้ชมที่เข้ามาเกินปริมาตรของสนาม
กระทั่งทำให้แม้กระทั้งข้าราชการที่ตระเตรียมมามากมายก็ยากจะจัดการกับความพลุ่งพล่านของฝั่งเจ้าของบ้านกองเชียร์อินโดนีเซีย ทำให้เห็นว่านี่เป็น “แดนนรกกลุ่มเยี่ยม” พวกเขาบีบคั้นกลุ่มไทยตลอดทั้งเกม มีทั้งยังการส่งเสียงดุ และก็ขว้างข้าวของรวมทั้งสิ่งสกปรกใส่นักฟุตบอลไทย
จนกระทั่ง ชายชาญ เขียวเสน สามารถทำแต้มขึ้นนำให้กับไทยในครึ่งเวลาแรก ก็ราวกับเป็นการเทน้ำมันลงกองไฟ ทำให้ตอนระหว่างพักครึ่งเวลา กลุ่มไทยจำต้องพบกับกองเชียร์อินโดนีเซีย ที่ก่อเหตุทำลายสิ่งของ ความวุ่นวาย และก็เผาสนาม กระทั่งทำให้การประลองจะต้องหยุดชะงักไป
กลับมาช่วงหลัง กลุ่มชาติอินโดนีเซีย สามารถตีเสมอกลุ่มไทยได้เสร็จ ทำให้เหตุการณ์ของกลุ่มไทยทุกข์ยากขึ้นเรื่อยเนื่องจากว่ากองเชียร์เองก็เริ่มครึกครื้นรวมทั้งแผดเสียงบีบคั้นกลุ่มไทยตลอด จนถึงจำเป็นต้องวินิจฉัยกันที่การยิงลูกจุดลูกโทษ ตอนที่ภาวะจิตใจสำคัญยิ่งกว่าสภาพร่างกาย
ปรากฏว่ากลุ่มไทยชุดนั้น “สวมหัวใจราชสีห์” นิ่งสงบสยบการเคลื่อนที่โดยแท้ เกียรติ เสนาเมือง, กฤษดา บ้าดิษฐ์, พระอาทิตย์ ศรีปาน และก็ ดุสิต เฉลิมแสน มือสังหารของไทยยิงเข้าหมดทุกคน ตอนที่อินโดนีเซีย เจ้าของบ้านกลับแพ้ความบีบคั้นเสียเอง วิเคราะห์บอล
โดยยิงพลาดไป 2 คน ทำให้ไทยคว้าเหรียญทองไปครอบครอง เป็นการคว้าเหรียญทองด้วยการคัมแบ็กในเชิงภาวะจิตใจเป็นอย่างมากใหญ่ ด้วยเลื่อมใสที่เชื่อถือว่า “เกมนี้ชนะแน่” หากแม้เหตุการณ์จะออกจะทุลักทุเลก็ตาม ไทย เสมอ เลบานอน 2-2 (บอลโลก 2002 รอบเลือก โซนทวีปเอเชีย) – 30 พฤษภาคม2001
บอลโลก 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้รวมทั้งประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพด้วยกัน นับว่าเป็นขณะที่ชาติไทยมีโอกาสอย่างมาก
กับการผลิตประวัติศาสตร์ไปชิงชัยรอบท้ายที่สุด เนื่องด้วยเวลานี้ กลุ่มชาติไทยมีชั้นโลกอยู่ในตอนที่เหมาะสมที่สุด แล้วก็มีนักเตะฝีเท้าดีในชุดดรีมทีมที่สร้างผลงานดีเยี่ยมที่สุดให้กับกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ นำมาซึ่งการทำให้กลุ่มชาติไทยได้เป็นกลุ่มวางในรอบคัด รอบแรกของโซนทวีปเอเชีย เวลาเดียวกันประเทศญี่ปุ่นรวมทั้งประเทศเกาหลีใต้สองชาติชั้นแนวหน้าของทวีปเอเชีย
ก็ได้สิทธิ์ชิงชัยในรอบท้ายที่สุดแล้วเป็นระเบียบเรียบร้อย โน่นก็เลยเป็นช่องทางที่ดีอย่างมากของไทยกับการผลิตประวัติศาสตร์ไปสู่รอบถัดไป การจับสลาก กลุ่มไทยจับฉลากอยู่ในสายเดียวกับ เลบานอน, ประเทศปากีสถาน แล้วก็ ศรีลังกา โดยการเลือกเฟ้นเลกแรก กลุ่มไทยเดินทางไปเลือกสรรที่เลบานอน ก่อนเก็บชัยมา 3 เกมรวด เหนือ ศรีลังกา 4-2, ประเทศปากีสถาน 3-0 แล้วก็ เลบานอน 2-1
แล้วต่อจากนั้นเลกลำดับที่สอง แข่งที่เมืองไทยในอีก 3 นัดหมาย ถ้าหากไทยเก็บความมีชัยได้ทั้งหมดทั้งปวงก็จะเข้าสู่รอบ 10 กลุ่มในที่สุดโดยทันที และจากนั้นก็ไม่พลาด กลุ่มไทยเก็บชัยเหนือศรีลังกา 3-0 รวมทั้งประเทศปากีสถาน 6-0 จะต้องวัดกันที่นัดหมายในที่สุดกับเลบานอน เหตุการณ์นัดหมายนี้ กลุ่มไทย จำต้องชนะหรือขั้นต่ำเสมอ เพื่อรักษาหัวหน้าฝูง แม้กระนั้นถ้าเกิดแพ้ จะไม่เข้ารอบเพราะว่าประตูได้เสีย
ปรากฏว่ากลุ่มชาติไทยถูกเลบานอนนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 35 จาก วาร์ดาน กาซาเรี่ยน แต่ว่าในตอนนาทีที่ 73 เสกสรรค์ ปิตุรัตน์ มายิงให้ไทยตีเสมอ 1-1 ทำให้เหตุการณ์เข้ารอบกลับมาอยู่ในมือของกลุ่มชาติไทย สู้ด้วยพลังเชื่อถือ
เป็นอีกทีที่ภาวะจิตใจของกลุ่มชุดนั้นถูกใช้งานให้เป็นจุดเเข็ง กลุ่มชาติไทยเล่นอย่างมีระบบระเบียบ
รวมทั้งเกาะอยู่กับแทคติกรับเเล้วสวนกลับอย่างมีสมาธิตลอดระยะเวลา จนถึงนาทีที่ 77 เป็น ตะวัน ศรีปาน ที่ทำคะแนนให้ไทยหนีไปเป็น 2-1 ถึงแม้ด้านหลังเกม มุสซ่า โฮเจจ จะทำประตูให้ เลบานอน ไล่มา 2-2 ในนาทีที่ 87 แต่ว่าท้ายที่สุดกลุ่มไทยก็รักษาสกอร์ไว้ได้ นำมาซึ่งการทำให้กลุ่มไทยเก็บ 1 คะแนนที่ล้ำค่า ผ่านไปสู่รอบ 10 กลุ่มในที่สุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติ
ไทย 3-2 มาเลเซีย (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 รอบแบ่งกลุ่ม นัดหมายลำดับที่สอง) – 26 เดือนพฤศจิกายน2014 บอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 โดยการควบคุมกองทัพของ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ในรอบแรกนั้น กลุ่มชาติไทย มีเหตุการณ์ที่จำต้องลุ้นหนักในเกมลำดับที่สองกับการพบกับกลุ่มชาติมาเลเซีย ที่สนามเทียม จาลัน เบซาร์ สเตเดียม ซึ่งกลุ่มไทยไม่ถนัดนัก ตอนที่ มาเลเซีย ฟอร์มไม่ดีครั้งแรก ทำเป็นเพียงแต่ เสมอ เมียนมา 0-0
เกมนี้ จะต้องเลื่อนการแข่งขันชิงชัยราวชั่วโมงเศษ เพราะพายุฝนฟ้าร้อง และก็เมื่อเกมเริ่มขึ้น มาเลเซีย กลายเป็นข้างออกนำก่อน 1-0 จาก อัมรี ยะยาห์ ในนาทีที่ 28 ซึ่งก่อนจบครึ่งแรกไทยก็มาตีเสมอได้จาก อดิศักดิ์ ไกรษร ในนาทีที่ 43
กลับมาช่วงหลัง เหตุการณ์ไทยจำเป็นต้องพบกับงานหนัก เมื่อเป็นฝ่ายถูกมาเลเซียออกนำ 2-1 จาก ซาฟิก ราฮีม จวบจนกระทั่งนาทีที่ 72 ชาริล ชัปปุยส์ จะมายิงตีเสมอให้ไทย 2-2
จนถึงด้านหลังเกม ประตูของ อดิศักดิ์ ไกรษร ทำให้กลุ่มชาติไทยกลับเหตุการณ์กลับมาแซงชนะ 3-2 จากการยิงบอลในกรอบจุดโทษเข้าไปอย่างงดงาม นำมาซึ่งการทำให้ไทยเก็บ 3 แต้ม รับประกันการผ่านไปสู่รอบถัดไปได้เสร็จ