หงส์ชวดทวงฝูง “ลิเวอร์พูล” ชวดทวงจ่าฝูงอย่างน่าเจ็บใจหลังเปิดบ้านเจ๊า แมนฯ ซิตี้ 2-2
หงส์ชวดทวงฝูง “ลิเวอร์พูล” ชวดทวงจ่าฝูงอย่างน่าเจ็บใจหลังเปิดบ้านเจ๊า แมนฯ ซิตี้ 2-2 ทั้งที่ออกนำไปก่อนถึงสองครั้งโดยเกมนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทั้งยิง-ทั้งจ่ายขยับขึ้นดาวซัลโวพาทีมเก็บเพิ่มเป็น 15 คะแนน ส่วนทาง “เรือใบสีฟ้า” มี 14 แต้มขึ้นมารั้งอันดับ 3
ในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คืนวันอาทิตย์ก่อนหน้านี้ สนาม : แอนฟิลด์ ระหว่างลิเวอร์พูล ที่ก่อนเกมร่วงมาอันดับ 2 เจอแมนฯซิตี้ ทีมอันดับ 6 ของตาราง เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ปรึกษาลิเวอร์พูล จำเป็นต้องเฮเท่านั้นในเกมนี้เพื่อทำแต้มแซง เชลซี ที่เก็บ 3 แต้ม
ไปเมื่อคืนนี้วันเสาร์ขึ้นไปยึดจ่าฝูงก่อนแล้วส่วนฟอร์มทำสถิติชนะ 4 เสมอ 2 ใน 6 เกมแรกเป็นทีมเดียวในลีกที่รักษาสถิติไม่แพ้ใครเอาไว้ได้ ทางด้าน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ปรึกษาเรือใบสีฟ้า พาทีมทำสถิติ 4-1-1 ในพรีเมียร์ลีกโดยอาทิตย์ก่อนพวกเขาบุกเอาชนะ เชลซี ได้ 1-0
จากประตูชัยของ กาเบรียล เชซุส นาทีที่ 16 “เรือใบสีฟ้า” ออกหมัดก่อนจากบอลทางด้านซ้ายของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา สอดขึ้นมากระชากได้โอกาสครอสไปเสาไกลเกือบจะถึง กาเบรียล เชซุส แต่ต้องดู แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน หุบมาโขกสกัดทิ้งได้ทัน
ถัดมานาทีที่ 20 แมนฯซิตี้คลาดโอกาสทองจากความสามารถเฉพาะตัวของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา ลากแหวกหนีขึ้นมาทางด้านขวาก่อนแทงเข้าเขตโทษข้ามมาให้ ฟิล โฟเด้น ใส่มาซัดด้วยซ้ายติดเซฟ อลีสซง เบ็คเกอร์ 4 นาทีต่อมาคราวนี้เป็น ชูเอา กันเซโล่
เติมเกมขึ้นมาทางซ้ายดึงจังหวะแทงเข้าเขตโทษให้ เควิน เดอ บรอยน์ วิ่งสอดมาตวัดตามน้ำด้วยซ้ายเสียดายบอลติดไซค์ผ่านหน้าประตูหลุดออกหลัง หงส์ชวดทวงฝูง นาทีที่ 32 จากความผิดพลาดของแนวรับลิเวอร์พูล เช็คล้ำหน้าพลาดปล่อยให้ แจ็ค กรีลิช
สอดมาเก็บบอลหลุดขึ้นมาทางซ้ายพากระชากเข้าเขตโทษแต่มุมไม่มีซัดด้วยขวาเหินข้ามคานออกไปไกล ทีมเยือน เร่งเครื่องไม่หยุดคราวนี้เป็น ฟิล โฟเด้น ขยับมาเก็บบอลทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนปั่นเข้าเขตโทษโค้งไปเสาไกลเข้าหัว เควิน เดอ บรอยน์
ลอยมาพุ่งโขกแบบไร้ตัวประกบข้ามคานอย่างน่าเสียดาย ท้ายครึ่งแรก “เรือใบสีฟ้า” มาส่งท้ายจากบอลยาว เอแดร์ซอน โมราเอส ทิ้งมาทางซ้ายให้ ฟิล โฟเด้น หลุดกับดักล้ำหน้าเอาชนะ เจมส์ มิลเนอร์ พาเข้าเขตโทษ
หงส์ชวดทวงฝูง แต่จังหวะแตะหลบติดขา อลีสซง เบ็คเกอร์ ออกมาช่วยได้ทัน หมดครึ่งเวลาแรก ลิเวอร์พูล0 แมนฯซิตี้0 เปิดฉากครึ่งหลัง 2 นาที “หงส์แดง” ลุยทันที โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เก็บบอลทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนแทงขึ้นมาให้ เจมส์ มิลเนอร์ วิเคราะห์บอล
ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องเฮเท่านั้นในเกมนี้
หงส์ชวดทวงฝูง สอดขึ้นมาตวัดเข้าเขตโทษลึกไปเข้ามือ เอแดร์ซอน โมราเอส ตะปปไม่พลาด นาทีที่ 50 ลิเวอร์พูลซัดเข้ากรอบครั้งแรกเป็นบอลยาวของ โฌเอล มาติ๊ป แทงยาวขึ้นมาให้ ดิโอโก้ โชต้า ไขว้หนีแนวรับแมนฯซิตี้
หมุนมาตวัดด้วยซ้ายบนเส้น 18 หลาเสียดายไม่หนีตัว เอแดร์ซอน โมราเอส แต่แล้วนาทีที่ 59 “หงส์แดง” ทะยานออกนำ 1-0 จากความขยันของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลงไปเชื่อมบอลก่อนยกหนี ชูเอา กันเซโล่ หลุดขึ้นมาทางขวาลากตัดเข้าในไหลเข้าช่องให้ ซาดิโอ มาเน่
โฉบมาที่เสาแรกซัดด้วยขวาสวนตัว เอแดร์ซอน โมราเอส ตุงตาข่าย นาทีที่ 69 แมนฯซิตี้ตามตีเสมอเป็น 1-1 จนได้ กาเบรียล เชซุส เก็บบอลทางขวาลากหนีแนวรับลิเวอร์พูล ทั้งแผงตัดเข้าในก่อนแทงเข้าเขตโทษให้ ฟิล โฟเด้น
วิ่งสอดมาหักข้อด้วยซ้ายผ่านมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ ซุกโคนเสาไกลงามหยด ต่อมานาทีที่ 76 ลิเวอร์พูลแซงออกนำอีกครั้งเป็น 2-1 จากความสามารถเฉพาะตัวของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับบอลจาก เคอร์ติส โจนส์ คลึงหนีแนวรับแมนฯซิตี้
หลุดขึ้นมาทางขวาแตะเข้าเขตโทษก่อนหักเข้าขวาซัดมุมแคบผ่านมือ เอแดร์ซอน โมราเอส เบียดโคนเสาไกลงามไม่แพ้กัน 4 นาทีต่อมา แมนฯซิตี้ไล่ตีเสมอเป็น 2-2 ฟิล โฟเด้น ขยับมารับบอลในเขตโทษฝั่งซ้ายก่อนปาดเข้าในแฉลบย้อนมาหน้ากรอบ 18 หลา
เข้าทาง เควิน เดอ บรอยน์ ปั่นด้วยซ้ายไปโดนหน้าขา โฌเอล มาติ๊ป เปลี่ยนทางซุกก้นตาข่าย ก่อนหมดเวลา 3 นาที หงส์แดง” พลาด 3 แต้มอย่างน่าเจ็บใจจากลูกสูตรฟรีคิก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ขยับมารับบอลหยอดเข้าเขตโทษลึกมาถึง ฟาบินโญ่
ซัดโล่งๆแบบไม่มีผู้รักษาประตูแต่จังหวะยิงช้าโดน โรดรี้ ทิ้งตัวบล็อคเหลือเชื่อ หลังจากนั้นไม่มีสกอร์เพิ่ม จบเกม ลิเวอร์พูล2 แมนฯซิตี้2 รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามตัวจริงลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์ – เจมส์ มิลเนอร์ (โจ โกเมซ น.78), โฌเอล มาติ๊ป,
เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, เคอร์ติส โจนส์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก้ โชต้า (โรเบอร์โต้ ฟิร์มิโน่ น.68), ซาดิโอ มาเน่ ผู้จัดการทีม : เจอร์เก้น คล็อปป์ แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์,
หงส์ชวดทวงฝูง รูเบน ดิอาส, อายเมอริก ลาป๊อร์ก, ชูเอา กันเซโล่ – แบร์นาร์โด้ ซิลวา, โรดรี้, เควิน เดอ บรอยน์ – กาเบรียล เชซุส, ฟิล โฟเด้น, แจ็ค กรีลิช (ราฮีม สเตอร์ลิง น.66) ผู้จัดการทีม : เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้ตัดสิน : พอล เทียร์นี่ย์ เลสเตอร์นำ2ตุง