เกมรับมีปัญหา ลิเวอร์พูลยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างรุนแรงในแมตช์บุกชนะ แอตเลติโก มาดริด 3-2
เกมรับมีปัญหา ลิเวอร์พูลยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างรุนแรงในแมตช์บุกชนะ แอตเลติโก มาดริด3-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มบี ทำให้เวลานี้พวกเขายึดผู้นำฝูงเอาไว้อย่างแน่นแฟ้น
ถึงแม้ว่า “ลิเวอร์พูล” จะบุกไปเก็บ 3 คะแนนได้ถึงถิ่นว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่ แต่ว่าก็จะต้องกล่าวว่าทำเอาสาวก “เดอะ ค็อป” ใจหายใจคว่ำอย่างมาก เนื่องจากว่าโดนเจ้าของบ้านไล่หลังตีเสมอในตอนครึ่งแรก
รวมทั้งเกือบจะเสียประตูบ่อยมากจากจังหวะการเล่นสวมกลับที่สุดอันตรายของ “ตราหมี” จบเกมนี้มั่นใจว่า เจอร์เก้น คล็อปป์ คงจะควรจะมีการเรียกสมาชิกมาติวเข้ม เพราะว่าฟอร์มที่ออกจะไม่รัดกุมในเกมรับ ส่วนเกมรุกมองวูบวาบในทีแรกๆ
แต่ว่าจากนั้นก็โดน แอต.มาดริด จัดแจงจนถึงอยู่มือ งานนี้ถ้าหาก “เดอะ เร้ดส์” ไม่สามารถที่จะยกฐานะสำหรับในการเล่นให้ดีเลิศมากยิ่งกว่านี้ แมตช์ถัดไปที่จะต้องออกศึก “แดงเดือด” กับแมนเชเตอร์ยูไนเต็ด
ซึ่งมีผู้เล่นเกมรุกที่มีทั้งยังความเร็ว และก็ความรู้ความเข้าใจส่วนตัวสูง บางทีก็อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบหายก็เป็นไปได้ ซาลาห์สร้างประวัติศาสตร์สโมสร ตอนนี้เชื่อว่าสาวก “เดอะ ค็อป” คงเรียกร้องให้สโมสรรีบจับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ขยายสัญญาให้เร็วที่สุด
และยอมรับข้อเสนอของนักเตะเรื่องค่าเหนื่อย เกมรับมีปัญหา เพราะฟอร์มของเขาตอนนี้มันมีมูลค่าสูงกว่าเม็ดเงินที่ทีมจ่ายให้หลายร้อยเท่า “บังโม” รักษามาตรฐานการเล่นในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่องสำหรับฤดูกาลนี้
โดยล่าสุดเขายังได้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับทัพ “หงส์แดง” เมื่อเป็นนักเตะคนแรกของสโมสรที่ยิงประตูได้ 9 นัดติดต่อกัน ก่อนหน้านี้ ซาลาห์จัดการส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายคู่แข่ง 8 แมตช์ติดต่อกันในเกม
พบ เชลซี, ลีดส์ ยูไนเต็ด, เอซี มิลาน, คริสตัล พาเลซ, เบรนท์ฟอร์ด, เอซี ปอร์โต้, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และวัตฟอร์ด ล่าสุดก็จัดการกระซวก 2 ประตูในเกมบุกชนะ “ตราหมี” 3-2 ที่สนามว่านต๋า เมโตรโปลีตาโน่ ทำให้ตอนนี้ ซาลาห์กลายเป็น “คิง ออฟ แอนฟิลด์” ไปอย่างสมบูรณ์แบบ
และแน่นอนว่าแฟนบอล “หงส์แดง” อยากให้เขาอยู่กับสโมสรต่อไปนานๆ นอกจากนี้ ซาลาห์ยังทำสถิติยิงประตูในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก แซงหน้า สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีมไปแล้ว ด้วยการซัดไป 31 ลูกจากการลงสนาม 48 แมตช์
ขณะที่ “สตีวี่จี” ซัดไป 30 ลูกจาก 87 เกม สำหรับตอนนี้ กองหน้าชาวอียิปต์ ซัดให้กับลิเวอร์พูล ไปแล้ว 12 ประตูจากการลงสนาม 11 แมตช์ในทุกรายการฤดูกาลนี้ โดย 7 ประตูมาจากผลงานในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 8 แมตช์ซะด้วย
เกอิต้า มีทั้งดีทั้งแย่ นาบี เกอิต้า ได้รับความไว้วางใจจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ ให้ลงเล่นตัวจริงอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์กันว่าเขาคงต้องกลับไปอยู่ที่ซุ้มม้านั่งสำรอง หลัง ฟาบินโญ่ ฟิตเต็มร้อยพร้อมลงสนามแมตช์นี้
ต้องยอมรับว่าคล็อปป์ คิดถูกที่ส่งเกอิต้า ลงสนามเนื่องจากในช่วง 12 นาทีแรกนักเตะชาวกินี โชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอด ช่วยให้เกมแดนกลางของ “หงส์แดง” เหนือกว่าเจ้าบ้านอย่างเห็นได้ชัด และมีส่วนในการเล่นเกมบุกอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ เกอิต้ายังโชว์ความสุดยอดด้วยการวอลเลย์งามหยดชดช้อยส่งบอลเข้าไปนอนเล่นในตาข่ายทำเอากองเชียร์เจ้าบ้านเงียบกริบ และทำให้ ยอดทีมแห่งถิ่นแอนฟิลด์ มีสกอร์นำห่าง 2-0 อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นฟอร์มของเกอิต้า ก็ดร็อปลงไปดื้อๆ
โดยเฉพาะในการเล่นเกมรับซึ่งต้องบอกว่าเขามีส่วนกับสองประตูที่ทีมเสียไป ทั้งการโดน โตมาร์ เลอมาร์ หลอกบริเวณริมเส้น จนนำไปสู่การได้ประตูตีไข่แตกของแอต.มาดริด และการเบียด ชูเอา เฟลิกซ์ ไม่อยู่ สุดท้ายก็เลยโดนตีเสมอ
เกมรับมีปัญหา ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คล็อปป์ ตัดสินใจแก้เกมทันทีในช่วงพักครึ่งด้วยการส่ง ฟาบินโญ่ ลงมาแทน เพราะหากยังฝืนใช้งาน เกอิต้าต่อไป มีสิทธิ์ที่ทีมอาจจะต้อง “ตราหมี” สอยตาข่ายเพิ่มก็ได้ วิเคราะห์บอล
ต้องกล่าวว่าทำเอาสาวก “เดอะ ค็อป” ใจหายใจคว่ำอย่างมาก
เกมรับมีปัญหา บอลสวน “ตราหมี” สุดอันตราย คล็อปป์รู้อยู่เต็มอกว่าบอลสไตล์ของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ เป็นแบบไหน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถรับมือกับการเล่นแบบนั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะการสวนกลับที่เต็มไปด้วยความเฉียบคมของเจ้าบ้าน
จริงๆ แล้ว “ตราหมี” ตั้งใจมาเล่นในสไตล์เกมรับเหนียวแน่นและรอจังหวะที่ “หงส์แดง” บุกเพลินๆ หรือเสียบอลเอง จากนั้นก็ใช้ศักยภาพในเกมรุกสวนกลับฉับพลัน ซึ่งแท็กติกนี้คล็อปป์ แอนด์โค. ก็เคยเจอมาแล้ว
แน่นอนว่าการที่ “เดอะ เร้ดส์” ได้สกอร์นำ 2-0 ถือว่าเป็นไปตามแผนที่ กุนซือชาวเยอรมัน ต้องการ เพราะจะทำให้แอตมาดริด ต้องเปิดเกมบุกมากขึ้น และนำไปสู่พื้นที่ว่างในเกมรับ ซึ่งจะทำให้พวกเขามีโอกาสเจาะตาข่ายเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามการเล่นที่หละหลวมในเกมรับส่งผลเสียหายต่อลิเวอร์พูล อีกครั้ง ขณะเดียวกันต้องชื่นชมลูกทีมของ ซิเมโอเน่ ที่เล่นตามแท็กติกได้ดีเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสามารถจัดการให้เป็นประตูได้ทันที
จะว่าไปแล้วหลังจากที่โดนนำ 0-2 แอต.มาดริดก็เล่นเกมรุกได้เหนือกว่าทีมเยือน สร้างโอกาสได้หลายครั้ง ขณะเดียวกันตอนที่สกอร์เสมอ 2-2 พวกเขายิ่งมีจังหวะสวนกลับได้ตลอด แต่โชคดีที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ช่วยเซฟได้หลายครั้งไม่งั้นบทสรุปคงไม่ใช่แบบนี้
เฮนโด้คนเดียวแบกแดนกลางไม่ไหว เกมรับมีปัญหา การที่ลิเวอร์พูล เลือกใช้งาน เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิต้า และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เนื่องจากคล็อปป์ มองการณ์ไกลไปถึงเกมหน้าที่จะต้องเยือนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ทำให้เลือกรักษาสภาพความฟิตของ ฟาบินโญ่ เอาไว้ก่อน
ในช่วง 12 นาทีแรกดูเหมือนว่าแดนกลางของ “หงส์แดง” จะข่มแอตมาดริด ได้ตลอด แต่หลังจากนั้นกลายเป็นเจ้าบ้านที่กดดันใส่ทีมเยือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่แผงมิดฟิลด์ “กัปตันเฮนโด้” ไม่สามารถรับมือกับความวูบวามของ เลอมาร์, โกเก้, โรดริโก้ เด ปอล และ เฟลิกซ์ ได้เลย
ทั้งเกอิต้า และ มิลเนอร์ ไม่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระ เฮนเดอร์สัน ได้สุดท้าย คล็อปป์จึงจำเป็นต้องรีบปรับเปลี่ยนแปลงแท็กติกด้วยการส่ง ฟาบินโญ่ ลงมาแทนเกอิต้า ซึ่งต้องบอกว่าเป็นการแก้เกมที่ยอดเยี่ยมของ กุนซือชาวเยอรมัน เพราะหลังจากนั้นแผงมิดฟิลด์ของ “หงส์แดง” เริ่มกลับมามีสมดุลมากยิ่งขึ้น
กระนั้นจุดเปลี่ยนของเกมนี้อยู่ที่การโดนไล่ออกของ กรีซมันน์ นั่นทำให้ลิเวอร์พูล กลับมาได้เปรียบอย่างสมบูรณ์แบบ อย่างไรก็ตามก็ต้องยกเครดิตให้กับ ฟาบินโญ่ ที่ลงมาเติมเต็มแดนกลางของทีม และช่วยงานของ เฮนเดอร์สัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เกมรับต้องปรับปรุงก่อนเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จุดที่คล็อปป์ ต้องรีบกลับไปจัดการให้เร็วที่สุดนั่นก็คือการเล่นเกมรับโดยเฉพาะฝั่งขวาระหว่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ โฌแอล มาติป เนื่องจากทีมโดนเจาะทางฝั่งนี้หลายครั้ง
จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่เฉพาะฝั่งขวาเท่านั้น แต่ยังรวมทั้งแผงแบ็กโฟร์ เพราะพวกเขาเกือบเสียประตูหลายครั้งจากการโดนเกมสวนกลับของแอตมาดริด โจมตีโดยเฉพาะตรงคู่เซนเตอร์แบ็กอย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ มาติป ก็เกือบเสียท่าหลายครั้ง
ลองนึกดูว่าในแมตช์ต่อไปที่ต้องพบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งมีผู้เล่นเกมรุกที่เร็วยิ่งกว่าจรวดหลายครั้ง และยังมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยืนเป็นหน้าเป้า ฉะนั้นหากเปิดช่องโหว่เหมือนกับเกมดวล “ตราหมี” มีสิทธิ์ที่พวกเขาจะเสียประตูแน่นอน
เกมรับมีปัญหา ฉะนั้นสิ่งนี้เป็นการบ้านข้อใหญ่ที่ ยอดกุนซือเลือดด๊อยท์ช จำเป็นต้องเรียกแผงแบ็กโฟร์มาติวเข้มเป็นการด่วน เพราะในการทำศึก “แดงเดือด” บรรดาแข้ง “ปีศาจแดง” กระเหี้ยนกระหือรือที่อยากจะยัดเยียดความปราชัยเกมแรกให้กับลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้ ใจจะขาดอยู่แล้ว !! หงส์แดงฝืด