ลีกที่แข็งแกร่ง ซึ่งไม่มีลีกฟุตบอลประเทศใดในโลกทำได้เช่นนี้

ลีกที่แข็งแกร่ง โดยราชันชุดขาวมีนักเตะคว้าบัลลงดอร์รวมกัน 5 ครั้งคริสเตียโน่ โรนัลโด้ 4,ลูก้าโดริช1 ส่วนทางฝั่ง “เจ้าบุญทุ่ม” ลิโอเนล เมสซี่ คว้าไปคนเดียว 4 ครั้งยกเว้นปี 2020 ที่ไม่มีการ มอบรางวัล เนื่องจากการ แพร่ระบาดของโควิด-19 นอกเหนือจากผลงานในสนามที่แข็งแกร่ง

แล้ว ผลงานนอกสนามก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน นับตั้งแต่ ฆาเบียร์ เตบาส เข้ามารับตำแหน่งประธานลาลีกา เมื่อปี 2013 ได้ออกกฎระเบียบทางด้านการเงินให้สโมสรต่างๆ ในลาลีกา นำไปปฏิบัติ และหลายๆ สโมสร ก็ได้มีการปรับปรุงเรื่องการเงิน

ทำให้หนี้สินของสโมสรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังได้เพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับลีก ด้วยการเจาะตลาดในต่างประเทศ ทำให้แฟนลาลีกา ทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้ การพัฒนาฟุตบอลลีกในประเทศอย่างจริงจัง

ทำให้ลาลีกาได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับ 8 และเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 36 ในปี 2021 ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมฟุตบอล จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ในแง่ของนักฟุตบอลที่ประสบความ สำเร็จมากที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา

ก็ล้วนมาจากลาลีกาทั้งสิ้น โดยวัดจากรางวัลบัลลง ดอร์ 10 ครั้งหลังสุด มีแค่ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า เท่านั้น ที่มีผู้เล่นคว้ารางวัลอันทรงเกียรติดังกล่าวในรอบทศวรรษที่ผ่านมา (ปี 2011-2020)สหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลระหว่างประเทศ ยกให้ลาลีกา สเปน เป็นลีกที่ดีที่สุดของทวีปยุโรป

ลีกที่แข็งแกร่ง

นอกจากนี้ บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด ก็เป็น 2 สโมสรที่ดีที่สุดเช่นเดียวกันตลอด 10 ปีที่ผ่านมา สโมสรจากสเปนครองความยิ่งใหญ่ในถ้วยยุโรปอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมกัน 6 ครั้ง(เรอัล มาดริด 4, บาร์เซโลน่า 2), แชมป์ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก รวมกัน 6 ครั้ง(เซบีย่า 4, แอตเลติโก มาดริด 2)และในถ้วยยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 10 ครั้งหลังสุด

จะมีทีมจากสเปนเข้าชิงอย่างน้อย 1 ทีม ทั้งหมด 8 ครั้งและได้แชมป์ไปถึง 7 ครั้งโดย เรอัลมา ดริดคว้าโทรฟี่ไปมากที่สุด 3 ครั้งตามมาด้วย บาร์เซโลน่า และ แอตเลติโกมา ดริดทีมละ 2 ครั้งด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ลาลีกา ได้รับเลือกให้เป็นลีกฟุตบอลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

ระหว่างปี 2011 ถึง 2020 นอกเหนือจากลีกสเปนแล้ว ก็ยังมีพรีเมียร์ลีก อังกฤษ, เซเรีย อา บราซิล, เซเรีย อา อิตาลี และ บุนเดสลีกา เยอรมนี ที่อยู่ใน 5 อันดับแรกยังได้จัดอันดับสโมสรฟุตบอลที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมาอีกด้วย OhoZaa

โดยวัดจากความสำเร็จ และความสม่ำเสมอตลอดช่วงเวลาดังกล่าว

ปรากฏว่า บาร์เซโลน่า ยังคงรักษาความเป็นสโมสรฟุตบอลหมายเลข 1 ของโลกได้อีก หลังจากก่อนหน้านี้ บาร์ซ่า เคยได้รับการจัดอันดับ ให้เป็นทีมฟุตบอลเบอร์ 1 ในรอบทศวรรษ 2001-2010 มาแล้ว ตามมาด้วยเรอัลมา ดริดในอันดับที่ 2 และ แอตเลติโกมา ดริดในอันดับที่ 5 ลีกที่แข็งแกร่ง

นั่นหมายความว่า ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีสโมสรจากลาลีกา ติดอยู่ใน 5 อันดับแรก ถึง 3 สโมสร ซึ่งไม่มีลีกฟุตบอลประเทศใดในโลกทำได้เช่นนี้นอกเหนือจากผลงานในสนามที่แข็งแกร่งแล้ว ผลงานนอกสนามก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน นับตั้งแต่ ฆาเบียร์ เตบาส เข้ามารับตำแหน่งประธานลาลีกา

เมื่อปี 2013 ได้ออกกฎระเบียบทางด้านการเงินให้สโมสรต่างๆ ในลาลีกา นำไปปฏิบัติ และหลายๆ สโมสร ก็ได้มีการปรับปรุงเรื่องการเงิน ทำให้หนี้สินของสโมสรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังได้เพิ่มมูลค่าทางการตลาดให้กับลีก ด้วยการเจาะตลาดในต่างประเทศ ลีกที่แข็งแกร่ง

ลีกที่แข็งแกร่ง

ทำให้แฟนลาลีกาทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้ในช่วงต้นทศวรรษใหม่นี้ สถานะทางการเงินของสโมสรในลาลีกาเป็นไปในทางที่ดีขึ้น ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 โดยตลาดนักเตะ 2 รอบล่าสุด มีการซื้อขายคิดเป็นกำไรสุทธิ 38 ล้านยูโร ลีกที่แข็งแกร่ง

เมื่อเทียบกับลีกใหญ่อื่นๆ ที่ยังประสบปัญหาขาดดุลจากการลงมือทำอย่างจริงจังของลาลีกา ทำให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว จะเห็นได้จากตัวแทนลีกสเปนทั้ง 7 สโมสรที่เข้าร่วมฟุตบอลยุโรปในฤดูกาล 2020/21 ผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ของแต่ละรายการได้ครบถ้วน ลีกที่แข็งแกร่ง

ทุกทีมนี่อาจจะเป็นสัญญาณที่ดีว่า ในรอบทศวรรษใหม่นี้ ฟุตบอลลาลีกา สเปน จะยังคงเป็นลีกที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกต่อไป เหมือนเช่นทศวรรษก่อน ที่คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และยูฟ่า ยูโรป้า ลีก อย่างละ 6 ก็เป็นได้ | https://ohozaa.com