เลิกจริงหรือไม่ มีญ่า พิชชาตอบถึงสถานะของ อชิในฐานะคนใกล้ชิดพูดคุยกันในสายตาของผู้ใหญ่

เลิกจริงหรือไม่ ล่าสุดครอบครัวพีท ทองเจือ มาร่วมงานประกาศผลรางวัลไทยแลนด์คิดส์อวอร์ดส์ 2023 ครั้งที่ 4 ณ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ และถูกถามถึงความสัมพันธ์ของน้องมิย่า และน้องอชิว่าจะสรุปสถานะความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนหรือคนรู้จักหรือไม่ พีทมันเป็นเรื่องของวัยรุ่น ไม่มีอะไรผิดปกติ ถ้าพูดเหมือนบ้าน ทั้งสองโปรไฟล์มีความเหมาะสม

พวกเขาเป็นเพื่อนกัน 16 และ18-19 ยังไม่มีข้อสรุป ฉันหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่นหากมีอุปสรรคพวกเขาต้องเรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตร่วมกัน ทั้งคู่พบกันได้พบกับทั้งพ่อฟลุ๊ค และแม่โบว์ ครอบครัวกิน ออกไปเที่ยวด้วยกัน ครอบครัวค่อนข้างคุ้นเคยกัน ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน ในความเป็นจริงน้องชายเป็นกลุ่มเพื่อนเดียวกัน เราเจอกันเกือบทุกวันแล้ว

เจิ้งเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน กลุ่มเพื่อนจํานวนมาก มีญ่าพวกเขาเป็นคนสนิทกัน พวกเขาเป็นคนที่คุยกัน พวกเขาอยู่ใกล้กัน ถามว่ากดดันไหมว่ามีคนดูความสัมพันธ์ก็เฉยเมย เมื่อเราไปด้วยกันเป็นกลุ่มเราอาจดูมากขึ้น โอเคเรายอมรับว่าเราเป็นคนสาธารณะ ใช้ชีวิตปกติฉันไม่ตกใจ อชิเขาอาจไม่คุ้นเคยกับมันเหมือนเรา กับความจริงที่ว่าเราออกจากงานพบคนมากขึ้น แต่ อชิเขาไม่ค่อยพบคนจํานวนมากเขาอาจจะมีคนจะเห็นมันได้หรือไม่ บอกเขาว่าทุกอย่างจะดี https://ohozaa.com/

สรุปสถานะของเราคืออะไร?

เลิกจริงหรือไม่

เจิ้งเราไม่รู้สถานะของลูกเลย ฉันควรใช้คําใด แต่เจิ้งรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเด็ก เราได้เห็นเด็กกลุ่มนี้มานานแล้ว พวกเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เด็กๆ ที่บ้านมีสิ่งที่พวกเขาจะบอกคุณ ลองนึกภาพไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ขึ้นรถเราไม่ต้องถาม เขาจะบอกก่อน สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาเราจะรู้ทุกอย่างแล้ว ทุกอย่างอยู่ในสายตาของพ่อแม่ทุกอย่าง เด็กเป็นเด็กที่น่ารัก พวกเขาทั้งหมดเป็นเด็กที่ดี

ดังนั้นเราจึงไม่กังวลอะไรเลย เราเชื่อใจคุณเชื่อใจเพื่อนของคุณดังนั้นคุณจึงไม่มีอะไรต้องกังวล จะมีคําถามที่คนชอบถามแล้วคุณไม่สนใจลูกสาวของคุณเหรอ? คําว่าหวงหมายถึงการปล่อยให้ลูกของคุณทําสิ่งที่เขาต้องการได้อย่างอิสระ แต่ต้องอยู่ในกรอบ และขอบเขตที่ผู้ใหญ่รับรู้ และเห็น ทําทุกอย่างต้องไม่ทําอะไรผิด เราอิจฉา เรากังวลเรื่องแบบนี้มากกว่า เรียกว่าดูแลกันอย่างใกล้ชิด

เลิกจริงหรือไม่

ถ้านํามารวมกันในทิศทางที่ดีไม่มีอะไรเสียหายพร้อมที่จะสนับสนุน เราเคยเป็นวัยรุ่นเรา ผ่านจุดนี้มาแล้ว มันเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเด็กไม่ซ่อนตัวเพื่อทําอะไรเสียหาย เราก็เป็นพ่อแม่เราไม่ได้ปิดกั้นอะไรอีกแล้ว เหมือนทุกครั้งที่เด็กไปกิน พ่อแม่รู้ว่าส่วนใหญ่ เจ็งจะเป็นคนส่ง และรับ เด็กอาจนั่งอยู่ในร้าน แต่ผู้ปกครองกําลังรออยู่ในรถ ทุกอย่างอยู่ในสายตาตลอดเวลา บอกแม่เสมอว่า คนนี้โอเคคนนี้ไม่โอเค

พ่อแม่คุณโอเคไหมถ้าคุณมีแฟน? พีทชีวิตวัยรุ่นยิ่งคุณห้ามมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น คนรุ่นใหม่เราจะเลี้ยงดูลูกของเรา ในรูปแบบใหม่ เรียกว่าเราต้องยอมรับ และยินดี หากไม่มีอะไรเสียหายเราสนับสนุน มันไม่ใช่สิ่งที่จะปฏิเสธ มันไม่ใช่วันเก่า ว่าพ่อแม่ต้องเป็นขุนนางบีบบังคับเด็กคนใดความรู้สึกที่มันอาจจะรู้สึก แต่ในความเป็นจริงของวันนี้ เป็นไปไม่ได้ เพราะเด็กทุกคนต้องใช้ชีวิต และเรียนรู้ชีวิตของตัวเอง และจะบอกเขาว่าอนาคต ไม่สวยงามตลอดไปต้องเรียนรู้ และได้รับประสบการณ์ กําลังเตรียมพร้อม